อู่ซ่อมรถแนวหลังจัดให้รถทหารโดนสะเก็ดระเบิดซ่อมฟรีไม่อั้น
(8 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสถานการณ์การปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา คลี่คลายไปในทางที่ดี คือมีการหยุดยิง แต่ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นตามบ้านเรือนชาวบ้านตามแนวชายแดนยังคงเหลือไว้ให้เห็นกันเป็นวงกว้าง
และอีกมุมมองหนึ่งของนักธุรกิจในจังหวัดบุรีรัมย์ นายณัฐวุฒิ หรือเสี่ยโย นาคสุวรรณ อายุ 40 ปี เจ้าของอู่ “พรีเมียมคาร์เพ้นท์” และเจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส เอส ออโต้แม็กซ์ อ.เมืองบุรีรัมย์ ที่มองเห็นสภาพความเสียหายนอกเหนือจากบ้านเรือนประชาชน ยังมีทรัพย์สินส่วนตัวของทหารเอง คือรถยนต์ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเจ้าของรถยังได้รับบาดเจ็บ
นายณัฐวุฒิ เล่าว่า ในช่วงก่อนปะทะตนกับเพื่อนนักธุรกิจด้วยกันได้เดินทางไปให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด แม้กระทั่งหลังหยุดยิงพวกตนยังเอาเครื่องปั่นไฟไปมอบให้เพิ่มอีก เพราะเกรงจะมีปัญหาหากคุยกันไม่ได้
ครั้งนี้ตนเห็นสภาพรถส่วนตัวของทหารได้รับความเสียหายจากสะเก็ดระเบิดเป็นจำนวนมาก มีทั้งกระจกแตก ตัวถังเป็นรู หลังคายุบ ตนในฐานะเป็นแนวหลัง เป็นคนไทยที่หัวใจไทย จึงชวนร้าน“ช่างบิ๊กบุรีรัมย์”ไปที่ชายแดนและขอเอารถทหารที่เสียหายทั้งหมดซึ่งคาดว่ามีประมาณ 15 คัน มาซ่อมให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นคือฟรี 100 เปอร์เซ็นต์
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า แต่ละคันได้รับความเสียหายไม่เท่ากัน บางคันถูกสะเก็ดระเบิดจนตัวถังพรุน ต้องเปลี่ยนอะไหล่หลายชิ้น หากประเมินราคาซ่อมรวมค่าอะไหล่ รถที่เสียหายหนักที่สุดมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 100,000 บาท
ในช่วงที่มีการอพยพชาวบ้านแนวชายแดน ตนเองซึ่งมีอพาร์ตเมนต์ และห้องเช่ากว่า 100 ห้องตนให้ผู้อพยพซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมาพักฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นกัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่าทั้งหมดที่ตนกับเพื่อนได้ทำไป ไม่ได้หวังเอาหน้าหรืออยากดัง ถึงแม้รถของทหารที่เสียหายทั้งหมดทางการจะชดใช้ให้อยู่แล้วก็ตาม แต่ตนกับทีมงานในฐานะที่เป็นแนวหลัง อยากจะให้กำลังใจทหาร อยากให้ทหารรู้สึกดี เพราะเจ้าของรถหลายคนบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อออกมาแล้วจะได้มารับรถได้ทันทีโดยไม่ต้องรอกระบวนการอื่นๆตนมีความถนัดและธุรกิจด้านนี้ จึงอยากใช้ความสามารถตอบแทนผู้เสียสละเพื่อประเทศ
“แนวหน้าสู้เพื่อปกป้องบ้านเมือง แนวหลังอย่างพวกผมก็พร้อมเป็นกำลังใจและช่วยเหลือเต็มที่” นายณัฐวุฒิกล่าวทิ้งท้าย