หนุ่มกัมพูชาวีซ่าหมด บอกไม่อยากกลับ ไม่อยากรบกับไทย
(8 ส.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ชุดการข่าวทหาร, ตชด.216 และชุดสืบสวน สภ.หนองสองห้อง ได้จับกุม นายเอ(นามสมมติ) อายุ 29 ปี หนุ่มชาวกัมพูชา ที่บริเวณบ้านบุลาว ต.สองห้อง อ.เมืองบุรีรัมย์ หลังตรวจพบว่าหนุ่มชาวกัมพูชารายดังกล่าว เป็นคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยวีซ่าหมดอายุ
เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัวขอตรวจสอบ พบว่านายเอสามารถพูดไทยได้ มีพาสปอร์ต แต่วีซ่าเข้าประเทศไทยหมดอายุตั้งแต่กลางปีที่แล้ว จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำต่อที่ สภ.หนองสองห้อง นายเอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่โดยดี ยอมให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือไม่พบว่ามีการทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแต่อย่างใด
นายเอเล่าให้ฟังว่าตนเข้ามาอยู่และทำงานในไทย 12 ปีแล้ว โดยทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา จนมาพบรักกับภรรยาชาวไทย อยู่กินกันได้ 8 ปี มีลูกชายวัย 5 ขวบ 1 คน เมื่อปีที่แล้ววีซ่าของตนหมดอายุ แต่เพราะไม่มีเงินต่อวีซ่า 40,000 บาท ทำให้ตนตัดสินใจออกจากงานกลับมาอยู่บ้านภรรยาที่บุรีรัมย์ เพื่อเลี้ยงลูกและดูแลพ่อตาที่อายุมากแล้ว ส่วนภรรยาไปทำงานที่ กทม.
นายเอยืนยันว่าตนไม่ใช่สายลับแน่นอน แต่ตนไม่อยากกลับประเทศ เพราะที่ฝั่งกัมพูชาพ่อแม่ของตนเสียชีวิตหมดแล้ว และตนกลัวจะต้องถูกบังคับเป็นทหาร ตนไม่ต้องการที่จะสู้รบกับทั้งไทยและกัมพูชา
จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.หนองสองห้อง ก็ได้แจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าว (สัญชาติกัมพูชา) อยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยการอนุญาตสิ้นสุด” ก่อนจะนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และผลักดันกลับประเทศตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำนายเอ ทั้งพ่อตา และญาติของภรรยา รวมถึงลูกชายวัย 5 ขวบ ก็ได้มาเยี่ยมนายเอที่โรงพัก ทันทีที่นายเอเห็นหน้าลูกชายก็โผกอดกันร้องไห้ เป็นภาพที่บีบหัวใจ โดยลูกชายบอกกับพ่อว่า “หนูอยากอยู่กับพ่อ” ส่วนคนเป็นพ่อก็จำใจต้องโกหกลูกว่าพ่อไปทำงานเดี๋ยวก็กลับมา ทำให้ผู้ที่เห็นภาพถึงกับร้องไห้ตามเพราะสงสารทั้งพ่อและลูกที่ต้องจากกัน