เคลียร์ชัด! ด.ช.ใจแก้ว ไม่ใช่ลูก "หลวงพ่ออลงกต" วัดยืนยันเป็นเด็กอุปการะ
กรณีสังคมตั้งข้อสงสัยชื่อของ พระอลงกต พูลมุข อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ว่าไปคล้ายกับบุคคลที่เสียชีวิต พร้อมพบความไม่ตรงกันในใบสุทธิและเลขบัตรประชาชน ล่าสุด ทีมทนายของวัดชี้แจงว่า พระอลงกตมีบัตรประชาชนถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นคนละบุคคลกับ นายอลงกต พลมุข ผู้เสียชีวิต พร้อมขอเวลาในการตรวจสอบประเด็นหมายเลขพร้อมเพย์และมูลนิธิอย่างละเอียด ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตยืนยันว่าไม่เคยรู้จักพระอลงกต
ทางวัดพระบาทน้ำพุจัดแถลงข่าว โดยมี นายศุภชัย สิงคารวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัด อธิบายว่า พระอลงกตมีบัตรประชาชนถูกต้องตามกฎหมาย ออกโดยกระทรวงมหาดไทย สามารถยืนยันตัวตนได้ตามทะเบียนราษฎร์ ข้อมูลที่สร้างความสับสนเกิดจากการนำไปเปรียบเทียบกับบัตรของนายอลงกต พลมุข ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นคนละบุคคล เลขประจำตัวประชาชนแตกต่างกันชัดเจน
เมื่อถูกถามถึงหมายเลขพร้อมเพย์ที่ปรากฏเป็นชื่อ กองทุนอาทรประชานาถ นายศุภชัยยอมรับว่ายังไม่ได้ตรวจสอบอย่างรอบด้าน เนื่องจากเพิ่งเป็นประเด็นในช่วงสองวันที่ผ่านมา และขอเวลาเพื่อติดตามตรวจสอบต่อไป
ส่วนมูลนิธิ นายศุภชัยระบุว่าเพิ่งเข้ามาดูแล ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะมูลนิธิที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งผู้ก่อตั้งเดิมเสียชีวิตแล้ว ทีมทนายจะตรวจสอบเอกสารย้อนหลังและจะแถลงผลต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
สำหรับประเด็นใบสุทธิของพระอลงกตที่ข้อมูลไปตรงกับผู้เสียชีวิต พันเอกประชุม สุขสำราญ ประธานมูลนิธิพุทธสถาน ลพบุรี-สุวรรณภูมิ อธิบายว่า สมัยก่อนพระไม่มีบัตรประชาชน ใช้หนังสือสุทธิจากอุปัชฌาย์เป็นหลักฐานประจำตัว และเมื่อมีการปรับกฎหมายให้พระมีบัตรประชาชน 13 หลัก ข้อมูลบางส่วนจึงไม่ตรงกัน อาจทำให้เกิดความสับสน
นายศุภชัยย้ำว่า “ทุกข้อกล่าวหา เราพร้อมให้ตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม เงินบริจาคถูกใช้ประโยชน์สาธารณะ หากพบข้อบกพร่อง เราจะเร่งแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย” พร้อมขออภัยประชาชนที่อาจเข้าใจผิด
หลังแถลงข่าว นายเฉลิมพล พลมุข ประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ ญาติโดยตรงของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่าญาติทุกคนยืนยันว่าไม่รู้จักพระอลงกต พูลมุข และปัญหาเกิดจากความคลาดเคลื่อนของระบบทะเบียนราษฎร์ ซึ่งอาจทำให้บุคคลที่มีชื่อนามสกุลเดียวกัน มีเลขบัตรประชาชนแตกต่างกัน หรือใกล้เคียงกันจนเกิดความสับสน
นายเฉลิมชัย ทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการปกครอง และ สำนักทะเบียนราษฎร์ ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อยืนยันสาเหตุความคลาดเคลื่อน และตนพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ในการตรวจสอบ
โต้ข่าวลือ เด็กชายใจแก้วเรียกหลวงพ่อ “ปะป๊า” ยัน ไม่ใช่พ่อแท้
ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพระอลงกต พูลมุข เจ้าอาวาส และ “เด็กชายใจแก้ว” ว่า ด้านหลวงพ่ออลงกตมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางในสังคมมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลและเพจบางแห่งนำข้อมูลไปชี้นำผิด จนทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อน ส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของวัด
นายศุภชัย ได้นำกรณีของ “เด็กชายใจแก้ว” มาเป็นตัวอย่าง โดยเด็กชายใจแก้วเกิดเมื่อปี 2557 ปัจจุบันอายุ 11 ปี มารดาของเด็กเป็นผู้ป่วยออทิสติกและติดเชื้อเอดส์หลังถูกล่วงละเมิดทางเพศจากหลายคน ก่อนเสียชีวิตในปีเดียวกัน เด็กชายใจแก้วจึงถูกวัดรับอุปการะตั้งแต่แรกเกิด และพระอลงกตได้จัดพิธีโกนผมไฟให้ รวมถึงอยู่ดูแลในวันที่ทำพิธีเผาศพมารดา
ต่อมาพระอลงกตได้มอบหมายให้ นางวรสุดา ช่วยเลี้ยงดูเด็กชายใจแก้ว ทำให้เด็กเรียกพระอลงกตว่า “ปะป๊า” และนางวรสุดาว่า “หม่ามี้” แต่ต่อมากลับถูกตีความผิดว่าเด็กเป็นบุตรของทั้งสอง ซึ่งนายศุภชัย ยืนยันว่า เป็นการสร้างเรื่องที่บิดเบือน พร้อมชี้ว่าพยานหลักฐานชัดเจน เนื่องจากเด็กชายติดเชื้อเอชไอวี ขณะที่ทั้งพระอลงกตไม่ได้ติดเชื้อแต่อย่างใด
นายศุภชัย กล่าวย้ำว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเคราะห์กรรมของเด็กที่น่าสงสาร และสะท้อนถึงความเมตตาของพระอลงกตที่อุปการะเด็กโดยไม่มีเงื่อนไข แต่กลับถูกกล่าวหาจนเสียหาย และที่ผ่านมาแทบไม่มีสื่อใดนำเสนอข้อเท็จจริงนี้ จึงจำเป็นต้องออกมาแถลงชี้แจงต่อสาธารณะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เคลียร์ชัด! ด.ช.ใจแก้ว ไม่ใช่ลูก "หลวงพ่ออลงกต" วัดยืนยันเป็นเด็กอุปการะ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com