อึ้ง!สภาง่อยปิดหนีถกMOU

"รวมพลังแผ่นดิน" มาตามนัด ชุมนุมหน้ารัฐสภา เรียกร้องยกเลิก MOU 43-44 พร้อมบี้ "นายกฯ อิ๊งค์" ไขก๊อกทันทีไม่ต้องรอศาล พรรคฝ่ายค้านแห่ลงมารับหนังสือ รัฐบาลมีแค่ ชทพ. "โรม" ขึ้นเวทีขอ ปชน.พิสูจน์ตัวเอง เจอม็อบตะโกนโห่ไล่ อึ้งกันหมด! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน อ้างเป็นข้อตกลงวิป 2 ฝ่าย "วิสุทธิ์" ปัดพัลวันไม่ได้ส่งสัญญาณ ยังงงเหมือนกัน "เท้ง" ซัดเดือดรัฐบาลปิดพื้นที่หาทางออกทำสภาง่อย "ภท." ฟาดไม่ไหวอย่าฝืน

ที่รัฐสภา วันที่ 21 สิงหาคม กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย เดินทางมาชุมนุมที่ลานประชาชน อาคารรัฐสภา เพื่อแสดงพลังเรียกร้องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณายกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรมีวาระการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง ขอให้สภาพิจารณาบันทึกข้อตกลงเอ็มโอยู 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามีมวลชนมาปักหลักฟังการปราศรัย นำธงชาติไทยมาโบก และป้ายข้อความเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2 ฉบับดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เปิดเผยว่า มาสื่อสารถึง สส. ซึ่งญัตติดังกล่าวตรงกับข้อเรียกร้องของพวกเรา รวมทั้งภาคประชาชน เรียกร้องให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ต้องรอให้ศาลตัดสิน สามารถลาออกได้ทันที ทั้งนี้ หากที่ประชุมสภาฯ ไม่สามารถยกเลิกเอ็มโอยูดังกล่าวได้นั้น จะรวมตัวเรียกร้องกันต่อไป

ต่อมาช่วงบ่าย ได้มีการนักการเมืองและพรรคการเมืองทยอยลงมารับหนังสือ อาทิ นายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง, นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่สอง ส่วนทางด้านพรรคการเมือง อาทิ พรรคพลังประชารัฐ นำโดย ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี รองหัวหน้าพรรค, พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรค, พรรคประชาชน นำโดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค รวมทั้งตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลมีเพียงพรรคชาติไทยพัฒนาส่งตัวแทนมารับ โดยนายแก้วสรร อติโพธิ แกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ ได้กล่าวชื่นชมนายไชยชนกกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า จำได้หรือไม่ นายไชยชนกยืนในสภาบอกไม่เอากาสิโน ต้องตบมือให้ ขณะที่พวกตนสู้ มีคนบอกว่าเปิดทางให้คณะรัฐประหาร แต่ถ้าประชาธิปไตยไม่ทำงานจนบ้านเมืองฉิบหาย จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นหรือไม่ พวกท่านคือความหวังสุดท้ายของประชาธิปไตยไทยที่แก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง

ด้านนายไชยชนกกล่าวว่า MOU ทั้งสองฉบับส่งผลกระทบต่อเขตแดน และปัจจุบันไทยกำลังเผชิญการรุกล้ำดินแดนอย่างชัดเจน ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ เหมาะสมที่สุดที่สภาควรหยิบประเด็น MOU 43 และ 44 มาพิจารณาเพื่อนำไปสู่การยกเลิก โดยพรรคยื่นญัตติด่วนให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาแนวทางการยกเลิกที่ส่งผลกระทบน้อยที่สุด และขั้นตอนสุดท้าย ควรฟังเสียงประชาชน โดยการจัดทำประชามติ พรรคภูมิใจไทยขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองพิจารณาสนับสนุนแนวทางการดำเนินการนี้ เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

ขณะที่นายรังสิมันต์กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือการเสนอให้มีการตั้ง กมธ. เพื่อพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ใช้เวลาไม่นาน และจะต้องมีข้อยุติ "พี่น้องอาจจะไม่ไว้วางใจพวกตน นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องน้อมรับความรู้สึกของพี่น้องประชาชนให้ได้ ก็จะใช้การทำงานเป็นเครื่องพิสูจน์ในการเอาชนะจิตใจของพวกท่านให้ได้"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่นายรังสิมันต์เดินขึ้นเวที กลุ่มมวลชนได้ตะโกนโห่ไล่ ทั้งยังมีบางส่วนตะโกนถ้อยคำไม่สุภาพ แม้จะมีบางคนได้พยายามห้ามปรามแล้ว กระทั่งนายแก้วสรรต้องคว้าไมค์ของนายรังสิมันต์มาพูดปรามมวลชนว่า "พี่น้องครับ เขาให้เกียรติพวกเรา เราต้องให้เกียรติท่าน หยุดเดี๋ยวนี้" อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการห้ามปรามแล้ว แต่ยังคงมีเสียงโห่อยู่เป็นระยะๆ ตลอดเวลาที่นายรังสิมันต์พูดบนเวที

ทั้งนี้ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ ได้มีการมอบของที่ระลึกคือริบบิ้นลายธงชาติให้กับตัวแทนพรรคการเมืองทุกคนด้วย

ปิดประชุมหนีถก MOU

ส่วนที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เมื่อเวลา 13.00 น. ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสดและกระทู้ถามทั่วไปเสร็จสิ้นแล้ว ได้เข้าสู่วาระพิจารณารับทราบรายงานการประชุมเรื่อง รายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลงระหว่างคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลงเอ็มโอยู 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง

แต่ปรากฏว่า ภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสมาชิกทั้งห้องประชุม

โดยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่า ยังงงๆ อยู่ เหตุใดนายไชยาสั่งปิดประชุม ตนกินข้าวเสร็จกำลังเดินเข้าห้องประชุม แต่นายไชยาสั่งปิดประชุม ทั้งที่วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า หลังเสร็จสิ้นวาระรับทราบรายงานการประชุม จะประชุมลับพิจารณาญัตติด่วนเรื่องเอ็มโอยู 43 และ 44 ยืนยันว่าไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม และองค์ประชุมไม่ได้มีปัญหา

“เรื่องนี้อาจเป็นการคลาดเคลื่อนเรื่องการสื่อสาร ไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่น หรือไม่ให้พูด ไม่อยากโทษใคร เชื่อว่าทำความเข้าใจกันได้ เพราะเรื่องนี้ตกลงกันแล้วว่าจะให้มีการอภิปราย แต่ไม่ได้ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ แต่ให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมาธิการสามัญรับไปดำเนินการ" ประธานวิปรัฐบาลระบุ

ขณะที่นายไชยาเปิดเผยถึงสาเหตุที่สั่งปิดประชุมว่า ได้รับการประสานงานจากวิปรัฐบาลว่าได้หารือกับวิปฝ่ายค้านเรียบร้อยแล้วว่า หากหมดวาระการรับทราบการประชุมแล้วให้ปิดประชุม ตนดำเนินการตามที่แจ้งมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านตกลงกันแล้วว่าจะพิจารณากันต่อเรื่องเอ็มโอยู 43 และ 44 นายไชยายืนยันว่า ได้รับการประสานมาแบบนี้ให้ปิดประชุม เพราะวิป 2 ฝ่ายได้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว และเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ได้ประชุมกันมาหนักหนาพอสมควรแล้ว ยืนยันว่าไม่มีใครส่งสัญญาณมาให้ปิดประชุม แต่ดำเนินการตามข้อตกลงของวิป 2 ฝ่าย

ต่อมา เวลา 15.15 น. พรรคฝ่ายค้าน นำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ และหัวหน้าพรรคประชาชน, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะวิปฝ่ายค้าน, นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย, น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ร่วมกันแถลงถึงกรณีนายไชยาสั่งปิดประชุมกะทันหัน ก่อนเข้าสู่วาระประชุม เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่้องเอ็มโอยู

ซัดรัฐบาลทำสภาง่อย

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ฝั่งรัฐบาลชิงปิดประชุมไปเสียก่อน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ไม่ตรงกับข้อตกลงของวิป 2 ฝ่าย ขณะที่ประชาชนกำลังส่งเสียงเรียกร้อง อยากจะให้สภาของพวกเราเป็นพื้นที่แห่งความหวังในการหาทางออก เรื่องการศึกษาปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และ MOU 43-44 มีประชาชนรอฟังเสียงจากสภา อยู่ภายนอกของสภา แต่รัฐบาลกลับไม่ให้พื้นที่ ทั้งยังซ้ำรอยกับเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมฯ ชิงปิดไปก่อนเช่นเดียวกัน ขนาดโพลที่ออกมาล่าสุดส่งเสียงสะท้อนว่า ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของนักการเมือง สิ่งที่พวกเราต้องแสดงออกอย่างยิ่งในวันนี้ คือต้องทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น และเห็นว่ารัฐสภายังมีความหวังอยู่ ไม่ควรทำให้สภาเป็นง่อย ทำอะไรไม่ได้

นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า การชิงปิดสภาในวันนี้ โดยที่พวกเราไม่รู้ล่วงหน้าเลย เป็นสิ่งที่อันตรายมากต่อระบอบประชาธิปไตย ไม่อยากให้สภาแห่งนี้ทำลายความหวังของประชาชนด้วยตัวเอง จึงหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก ส่วนกรณีนายไชยาให้เหตุผลว่าได้รับการประสานมา หากหมดวาระรับทราบรายงานการประชุมให้ปิดประชุมได้เลยนั้น ยืนยันว่าไม่มี อย่างไรก็ตามไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะประชาชนมาชุมนุมข้างหน้า

น.ส.แนน บุณย์ธิดากล่าวว่า วิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้มีการคุยกัน ไม่ใช่แค่ 2 ครั้ง แต่มากกว่า 5 ครั้ง ที่มีการเดินไปเดินมา ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง สำคัญที่สุดคือญัตตินี้นายสฤษฏ์พงษ์ ได้มีการยื่นญัตติเอาไว้เป็นลำดับที่สองในญัตติด่วน เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่เฉพาะฝ่ายค้านที่ตกใจ แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ตกใจเหมือนกัน ในการเจรจา ประชุมลับ ก่อนประสานขอไม่ตั้ง กมธ.วิสามัญ พอมารอบสุดท้ายปิดประชุมใส่กันเลย ซึ่งต้องตั้งคำถามกลับไปว่า ทั้งวิปรัฐบาลและประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ในขณะนั้น ซึ่งเป็นคนไปรับหนังสือจากประชาชนที่มายื่นเรื่อง MOU 43-44 ทำไมไม่ฟังเสียงประชาชนในการพูดคุยเรื่องที่เป็นปัญหาประเทศ

นายไชยชนกกล่าวว่า ฝากบอกรัฐบาลว่า "อย่าฝืนเลยครับ" สำหรับประชาชน อยากจะบอกว่า "อยากให้พวกเราสามัคคีกันไว้ และอดทน อย่าเพิ่งยอมแพ้ พวกเราทุกคนไม่มีใครต้องการที่จะเห็นการรัฐประหาร เชื่อว่าสุดท้ายความจริงชนะทุกอย่าง.