จุลพันธ์ มอง ไทยมีศักยภาพดึงดูดเงินทุน “Entertianment Complex” ได้มากกว่าเวียดนาม
จุลพันธ์ เผย มองไทยดึงดูดเม็ดเงิน Entertianment Complex ได้มากกว่าเวียดนาม ยันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมีงบฯ พอในช่วงแรก เตรียมมาตรการภาษีกระตุ้นบริโภค-ท่องเที่ยวปลายปี
22 ส.ค. 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง กรณีที่เวียดนามเตรียมสร้าง Entertainment Complex ว่า ปัจจุบัน Entertainment Complex เป็นเทรนด์ของโลก ซึ่งตอนนี้หลายคนในสังคมอาจรู้สึกเสียดายที่เวียดนามอาจจัดตั้ง Entertainment Complex ได้ก่อนไทย
“ถ้าเราสร้าง Entertainment Complex ได้ผมก็มองว่ามูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท แต่เวียดนามประเมินว่าของเขาจะมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้เราจะไม่ได้เริ่มวันนี้แต่เรามีศักยภาพ มีแรงดึงดูดเม็ดเงินขนาดใหญ่ แต่ถามว่าเริ่มวันนี้หรือไม่ก็คงยัง ต้องรอให้สถานการณ์ทางการเมืองเรียบร้อยก่อน ที่ผ่านมาสภาก็ยังเป็นเสียงข้างมากในเรื่องนี้”
ในส่วนของรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นายจุลพันธ์ เปิดเผยว่า ระหว่างที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น รัฐบาลสามารถใช้แหล่งเงินจากงบกลางฯ ในการดำเนินโครงการได้ได้เพียงแต่จะพิจารณาใช้หรือไม่เนื่องจากช่องทางงบประมาณยังมีอยู่อีกหลายช่องทาง ขณะที่บริษัทรถไฟฟ้าเองก็มีศักยภาพในการดำเนินการเรื่องนี้ในช่วงแรกของโครงการ
“สุดท้ายก็ต้องเป็นเม็ดเงินที่รัฐบาลต้องชดเชย แต่จะชดเชยอย่างไร เท่าไร และจังหวะเวลาไหน ตอนนี้ส่วนงบประมาณแผ่นดินได้มีการแปรญัติงบประมาณเพิ่มเติมให้ส่วนนี้อยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาทเราก็เติมเข้าไปแล้วในเบื้องต้น แต่หากดำเนินการจริงก็น่าจะไม่พอ ส่วนที่ขาดก็ต้องหาเม็ดเงินเติมเข้าไป”
นายจุลพันธ์ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการบริโภคและกำลังซื้อในประเทศและการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี 2568 ไว้เรียบร้อยแล้วอย่างไรก็ตามยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการได้
ส่วนงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่เหลืออยู่ 2.6 หมื่นล้านบาทว่า ได้มีการโยกไปเป็นงบกลางฉุกเฉินปี 2568 โดยคาดว่าจะนำงบประมาณส่วนนี้มาชดเชยหนี้ของรัฐบาลที่ใช้ตามมาตรา 28 หรือหนี้ที่เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลใช้ให้รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐดำเนินมาตรการกึ่งการคลัง
“การชดเชยตามมาตรา 28 เป็นกลไกทางงบประมาณที่เราทำได้เลย ตอนนี้กรอบมาตรา 28 ยังเหลือเยอะ แต่เม็ดเงินที่พับไปก็ไม่ได้ใช้ เราจึงเอาไปใช้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ในอีกมิติหนึ่ง เพราะตอนนี้งบฯ ที่เหลือใช้เป็นโครงการแบบปกติไม่ได้ เพราะต้องผูกพันงบประมาณให้ทันก่อน 30 ก.ย. 2568 ถ้าทำเป็นโครงการปกติจะผูกพันงบประมาณไม่ทัน”
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการจากภาษีสหรัฐฯ นายจุลพันธ์ เปิดเผยว่า SME D Bank และ ธ.ก.ส. เป็นหนึ่งในกลไกที่จะดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ขณะที่รัฐบาลยังมีการช่วยเหลือประเภทอื่นผ่านวิธีการงบประมาณ เช่น กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การใช้งบกลางเข้าไปช่วยเหลือโดยตรง เป็นต้น
“รัฐบาลมีช่องทางงบประมาณให้เลือกใช้จำนวนมาก สามารถจัดหาเม็ดเงินเพื่อช่วยรองรับผลกระทบได้ตามกฎหมายและกระบวนการงบประมาณ เราไม่ได้ห่วงเรื่องช่องทางแต่เราต้องหาว่าจะใช้เม็ดเงินอย่างไรและเท่าไร ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปต้องประเมินผลกระทบให้แน่ชัดก่อนเพราะสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันที่ 1 – 2 ก.ย. 2568 ส่วนวุฒิสภาจะพิจารณาเมื่อไรขึ้นอยู่กับวุฒิสภา อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะผ่านการผ่านวุฒิสภาทัน 1 ต.ค. 2568 แน่นอน เพราะยังมีเวลาเหลืออีก 1 เดือน ขณะที่มั่นใจว่าจีดีพีทั้งปี 2568 จะขยายตัวได้มากกว่า 2%แน่นอน