โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

คำชี้แจงโกหกทั้งแพ

ไทยโพสต์

อัพเดต 15 สิงหาคม 2568 เวลา 4.13 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

น่าอนาถ…

วุฒิภาวะบุคคลที่มาจากการเลือกของ สส.ในสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีมันเรี่ยดินจริงๆ

เฮงซวยกันทั้งสภา

เอาเข้าจริง ประชาชนที่เลือกคนแบบนี้เข้าสภาก็ควรถูกตำหนิเช่นกัน

ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่า “แพทองธาร ชินวัตร” มีคุณวุฒิ มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้เลย

เป็นเวรกรรม และเป็นภาระของประเทศจริงๆ

ครับ…คดีคลิปเสียง “สมเด็จวุ้นเส้น” กับ “แพทองธาร” ที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ จะจบลงในวันที่ ๒๙ สิงหาคมนี้ มีแนวโน้มสูงได้เปลี่ยนรัฐบาล

คดีนี้นอกจากคำชี้แจงของ “แพทองธาร” แล้ว ยังมีพยานอีก ๑ ปาก คือ "ฉัตรชัย บางชวด” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

ก็ประหลาดดีครับ พูดกัน ๒ คน มีล่ามเป็นคนเขมร แต่ให้เลขาธิการ สมช.เป็นพยาน

ราวกับว่าคำพูดที่ปรากฏในคลิปเสียงเป็นมติของ สมช. ที่เลขาธิการ สมช.ได้รับรู้ทุกถ้อยคำก่อนที่ “แพทองธาร” จะโทร.ไปหา “อังเคิลวุ้นเส้น”

ถ้าเป็นแบบนี้ เท่ากับลาก สมช.มาร่วมรับผิดชอบด้วยใช่หรือไม่

เป็นกรรมของข้าราชการไทยครับ ถูกหักคอให้เป็นพยานในศาลก็ต้องไป

แต่ประเด็นหลักอยู่ที่คำชี้แจงของ “แพทองธาร” อ่านดูแล้วต้องปลงครับ

ได้แค่นี้จริงๆ

คำพูดประโยคที่ว่า “อยากได้อะไรให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้”

“แพทองธาร” ชี้แจงกับศาลดังนี้…

“… ข้าพเจ้ามีแต่เพียงเจตนาที่ต้องการให้คู่เจรจาได้เสนอเงื่อนไขหรือความต้องการออกมาก่อน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการเจรจาเชิงผลประโยชน์ (Principled Negotiation) โดยการใช้เทคนิคสำคัญ

คือการตั้งคำถามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง (Interest-Based) ในลักษณะไม่โจมตีจุดยืนของคู่เจรจา แต่มุ่งทำความเข้าใจความต้องการที่อยู่เบื้องหลังมากขึ้น เพื่อจะได้นำมาพิจารณาเจรจาต่อรองเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การยุติความตึงเครียดที่เกิดขึ้น

โดยข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่เสนอมาทุกกรณีแต่อย่างใด

ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อสมเด็จฮุน เซน ได้เสนอให้ฝ่ายไทยต้องยอมเปิดด่านก่อน แล้วฝ่ายกัมพูชาจะเปิดด่านหลังจากนั้นภายใน ๕ ชั่วโมง ข้าพเจ้าก็เสนอกลับไปว่าให้เปิดด่านพร้อมกัน

ซึ่งสมเด็จฮุน เซน ไม่ได้ตอบรับหรือยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าว และข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้มีการตอบรับในเงื่อนไขดังกล่าวของสมเด็จฮุน เซน เช่นเดียวกัน เนื่องจากข้อเสนอใดๆ จากฝ่ายกัมพูชาก็ตาม ข้าพเจ้าจะต้องนำเงื่อนไขดังกล่าวไปพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงของไทยก่อน เพื่อร่วมกันพิจารณาและตัดสินใจ…”

น่าจะเป็นคำชี้แจงที่ทีมงานพอจะคิดออกที่สุดแล้วครับ ไม่สามารถหาคำแก้ตัวที่ดูดีกว่านี้ได้อีกแล้ว แต่ขอโทษเถอะครับ ตรรกะวิบัติล้วนๆ

ใช้เทคนิคสำคัญอะไรครับ!

ในคลิปเสียงไม่มีเทคนิคอะไรสำคัญเลย

น้ำเสียงมีแต่กลัว “เพื่อนพ่อโกรธ”

การเจรจาทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยดูไร้ศักดิ์ศรีอย่างสิ้นเชิง

“เดี๋ยวจะจัดการให้” คำพูดนี้มันแทงใจคนไทยทั้งประเทศ

จะประเคนอะไรให้ “วุ้นเส้น”

อ้างเรื่องปิดด่านยิ่งแล้วใหญ่ครับ

ช่วงแรกๆ “แพทองธาร” ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเปิด-ปิดด่าน มีความสำคัญอย่างไร

จำได้มั้ยครับ ๑๑ มิถุนายน “แพทองธาร” นั่งหัวโต๊ะประชุมผู้ว่าราชการฯ ๕ จังหวัดชายแดนไทย-เขมร ที่บุรีรัมย์ วันนั้นไปปล่อยไก่เรื่องอะไร

เรื่องเปิด-ปิดด่านเหลื่อมเวลานี้แหละครับ

นายกฯ ไม่รู้เรื่องไปสั่ง ไปประสานให้เปิดตรงกัน

ก็หมายความว่าให้เปิดตรงตามเวลาของกัมพูชา

แค่นี้ก็รู้แล้วครับว่า คำชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญนั้นเท็จทั้งสิ้น

อีกประเด็นสำคัญคือเรื่อง แม่ทัพภาคที่ ๒ (พลโทบุญสิน พาดกลาง) ว่าเป็นฝั่งตรงข้ามนั้น…

“…ดังที่ข้าพเจ้าได้ชี้แจงข้างต้นว่า นายฮวด คนสนิทของสมเด็จฮุน เซน พยายามอธิบายมูลเหตุของการที่สมเด็จฮุน เซน สั่งการให้มีการปิดด่านชายแดนของฝ่ายกัมพูชา เนื่องมาจากความไม่พอใจของสมเด็จฮุน เซน ที่มีต่อแม่ทัพภาคที่ ๒ (พลโทบุญสิน พาดกลาง) เป็นการเฉพาะเจาะจง

ข้าพเจ้าจึงจำต้องใช้เทคนิคการเจรจาที่แบ่งแยกปัญหาออกจากตัวบุคคล

ไม่ได้เป็นการตำหนิติเตียนในทางลบ หรือแสดงให้เห็นว่าแม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไทยแต่อย่างใด แต่เป็นการอธิบายสถานการณ์ต่อฝ่ายกัมพูชาในเชิงสร้างความเข้าใจว่า ฝ่ายบริหารของไทยมีเจตนาที่จะรักษาสันติ และไม่ได้เป็นการโอนอ่อนหรือเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

หากแต่เป็นการดำเนินนโยบายโดยอาศัยหลักทางการทูตเพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศ และป้องกันความขัดแย้งที่อาจลุกลาม

อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดความเข้าใจผิดขึ้น ข้าพเจ้าก็ได้มีการชี้แจงและกล่าวคำขอโทษต่อแม่ทัพภาคที่ ๒ แล้ว และแม่ทัพภาคที่ ๒ ยืนยันต่อสาธารณชนว่าไม่ติดใจคลิปเสียงของข้าพเจ้า และไม่ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีกับแม่ทัพภาคที่ ๒ และไม่ได้มีผลกระทบต่อการทำงานของกองทัพแต่อย่างใด ตามรายละเอียดดังกล่าวข้างต้น

ทั้งนี้ การที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ ๒ ในบทสนทนาเกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้รับแจ้งจากฝ่ายความมั่นคงว่า ทางการกัมพูชาไม่พอใจการเคลื่อนย้ายกำลังทหารของไทย ณ ช่องบก ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้าในวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๘ ข้าพเจ้าจึงจำเป็นต้องสื่อสารเพื่อแยกบทบาทฝ่ายบริหารออกจากฝ่ายความมั่นคง

ซึ่งสมเด็จฮุน เซน รู้สึกว่าเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับกัมพูชาในขณะนั้น และเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจ ที่อาจนำไปสู่การเปิดเจรจาในระดับทางการต่อไป โดยไม่ใช้มาตรการทางทหารและทางเศรษฐกิจ อันอาจส่งผลกระทบแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ

ความตั้งใจเดียวของข้าพเจ้าตลอดบทสนทนาจึงเป็นเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยไม่มีเจตนาจะได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน ดังจะเห็นได้จากบทสนทนาว่า ไม่มีข้อความตอนใดที่ข้าพเจ้าเรียกร้องเอาผลประโยชน์ให้ตกเป็นของตนเองหรือครอบครัวแต่อย่างหนึ่งอย่างใด หรือได้ถือเอาประโยชน์ส่วนตนเหนือกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ หรือได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยไม่ซื่อสัตย์สุจริต หรือแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ

นอกจากนี้ ผู้ร่วมสนทนา คือ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งไม่ได้มีสถานะตามกฎหมายภายในของประเทศตน หรือภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศที่จะสามารถกระทำการอันก่อให้เกิดผลผูกพันทางนิติสัมพันธ์ระหว่างรัฐได้ อีกทั้งในระหว่างที่มีการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน นั้น ไทยและกัมพูชายังถือว่ามีความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับที่ใกล้ชิดกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาณาเขตติดต่อกัน และในฐานะประเทศในกลุ่มสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ถึงแม้จะมีความตึงเครียดระหว่างกันตามแนวเขตชายแดนบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดที่มีการปะทะด้วยกำลังกันอย่างรุนแรง และยังไม่มีการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต…”

เรื่องแม่ทัพภาคที่ ๒ อย่าพูดซ้ำเลยครับ อายแทน!

สั้นๆ เลยครับ เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน “อีตาวุ้นเส้น” แถลงต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภากัมพูชา หลังยื่นศาลโลก ตัดสินว่า บริเวณสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ว่าเป็นของใคร

วันนั้น “วุ้นเส้น” ขู่ว่า หากไทยยังคงปฏิเสธและหลีกเลี่ยงการใช้วิธีการดังกล่าว สะท้อนชัดเจนว่าฝ่ายไทยมีเจตนาซ่อนเร้น หากบริสุทธิ์ใจทำไมต้องกลัวการขึ้นศาล

“ถ้าเราไม่ยอมให้ศาลตัดสิน ปัญหานี้ก็จะเหมือนกับฉนวนกาซาที่ไม่มีวันจบสิ้น การต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ หรือใหญ่ๆ จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วทำไมเราถึงต้องกลัวการขึ้นศาลถ้าเราบริสุทธิ์”

คลิปเสียงมันวันที่ ๑๕ มิถุนายนครับ

เรียงลำดับวันให้ถูก อะไรเกิดขึ้นก่อนหลัง

คำชี้แจงโกหกทั้งแพ.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ปรับตัวสู้ภาษีทรัมป์! อินเดียและจีนเล็งฟื้นฟูการค้าชายแดน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ลุง’เหี้ยมอำมหิต!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม