เปิดคำชี้แจง ‘แพทองธาร ชินวัตร’ กรณีคดีคลิปเสียงสนทนา ‘อังเคิลฮุน เซน’
เปิดคำชี้แจง "แพทองธาร ชินวัตร" กรณีคดีคลิปเสียงสนทนา "อังเคิลฮุน เซน" ขอ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ไต่สวนพยานบุคคล 5 ปากเพื่อข้อเท็จจริงรอบด้าน
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลจากกรณีคดีคลิปเสียงสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จำนวน 2 ปาก คือ นางสาวแพทองธาร และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาธิการ สมช.) ในวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30 น. โดยพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียก หากไม่มาตามกำหนดนัดถือว่าไม่ติดใจเป็นพยานบุคคล และให้ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องที่ประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลภายในวันพุธที่ 27 สิงหาคม 2568 หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจยื่น โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. นัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา เปิดเผยรายละเอียดคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า นางสาวแพทองธาร ยืนยันว่า การกระทำของตนเองตามข้อกล่าวหาของผู้ร้อง ไม่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 แต่อย่างใด และยังได้ขออนุญาตให้ไต่สวนพยานบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ปากเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านความมั่นคงของประเทศและตามแนวชายแดนปัจจุบันและบางรายมีประสบการณ์ในอดีตทั้งความมั่นคงและการต่างประเทศ ได้แก่
ขอศาลไต่สวนพยานบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ปาก
- นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. ในฐานะผู้ทำงานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่า และเป็นบุคคลที่ทราบถึงเจตนาอันแท้จริงของตนเองในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน
- นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้สั่งการฝ่ายปกครองด้านชายแดน
- พล.อ.ภุชงค์ รัตนวรรณ ในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกัมพูชา ทำงานด้านปฏิบัติในกัมพูชามาตั้งแต่ยศ ร.ท. และทำงานอยู่กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาตั้งแต่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการรบพิเศษอย่างต่อเนื่อง
- พล.ท.พุฒิพงษ์ ชีพสมุทร รองเจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร ในฐานะผู้ชำนาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของทหารและเรื่องอำนาจอธิปไตยของประเทศ
- นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ อดีตทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น, ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศรัสเซีย ในฐานะผู้ชำนาญด้านการต่างประเทศ และสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงวิธีปฏิบัติทางการทูตในการเจรจาแบบไม่เป็นทางการ
อีกทั้งพยาน 5 รายดังกล่าว ยังเป็นบุคคลที่ทราบถึงเจตนาอันแท้จริงของตนเองในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน เพื่อให้ศาลฯ ได้รับทราบถึงความคิดเห็นว่าการดำเนินการของตนในช่วงเหตุการณ์ ไม่ได้กระทำโดยมีเจตนาตามที่ผู้ร้องกล่าวหา หรือเป็นการละเมิดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ทั้งยังเป็นการดำเนินการตามข้อมูลและคำแนะนำของฝ่ายความมั่นคงที่ประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน และเพื่อแสดงว่าเจตนาของตนมุ่งเพื่อรักษาเอกราชอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่เจตนาดังที่ผู้ร้องกล่าวหา จึงขอศาลฯ โปรดพิจารณาอนุญาตให้มีการไต่สวนพยานบุคคลดังกล่าว เพื่อให้การพิจารณาคดีมีความครบถ้วน รอบด้าน และเป็นธรรม โดยปราศจากข้อสงสัยอันอาจกระทบต่อความชอบธรรมและสถานะของตนในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศ
ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงความเป็นสัดส่วนในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของตนตามที่กล่าวมา หากตนยังคงปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ต่อไป ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและอธิปไตยของชาติ อีกทั้งสามารถปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะบูรณาการเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายให้สนับสนุนการทำหน้าที่ของฝ่ายทหาร และแสดงถึงความเข้มแข็งภายในชาติ ซึ่งส่งผลเชิงจิตวิทยาแก่กัมพูชาในการรุกรานประเทศไทย
นอกจากนี้ นางสาวแพทองธาร ขอศาลมีคำสั่งยกเลิกมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 71 ตามที่ผู้ร้องมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ซึ่งล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานบุคคลเพียง 2 ปาก คือ น.ส.แพทองธาร และเลขาธิการ สมช.
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอิศรา ยังได้รับการยืนยันข้อมูลในเรื่องการใช้ถ้อยคำว่า "อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้" เป็นเพียงเจตนาที่ต้องการให้คู่เจรจาเสนอเงื่อนไขหรือความต้องการออกมาก่อน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการเจรจาเชิงผลประโยชน์ โดยการใช้เทคนิคสำคัญ คือการตั้งคำถามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง ไม่ได้มีเจตนาที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่เสนอมาทุกกรณี
ส่วนถ้อยคำที่กล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า "เป็นฝั่งตรงข้าม" เนื่องจาก นายเคลียง ฮวด คนสนิทของสมเด็จฮุน เซน พยายามอธิบายมูลเหตุของการที่สมเด็จฮุน เซน สั่งการให้มีการปิดด่านชายแดนของฝ่ายกัมพูชา เนื่องมาจากความไม่พอใจของสมเด็จฮุน เซน ที่มีต่อแม่ทัพภาคที่ 2 (พล.ท.บุญสิน พาดกลาง) เป็นการเฉพาะเจาะจง ตนจึงจำต้องใช้เทคนิคการเจรจาที่แยกปัญหาออกจากตัวบุคคล ไม่ได้เป็นการตำหนิติเตียนในทางลบหรือแสดงให้เห็นว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไทยแต่อย่างใด แต่เป็นการอธิบายสถานการณ์ต่อฝ่ายกัมพูชาในเชิงสร้างความเข้าใจว่าฝ่ายบริหารของไทยมีเจตนาที่จะรักษาสันติและไม่ได้เป็นการโอนอ่อนหรือเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากแต่เป็นการดำเนินนโยบายโดยอาศัยหลักทางการทูตเพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศและป้องกันความขัดแย้งที่อาจลุกลาม
ในคำชี้แจง นางสาวแพทองธาร ยังระบุด้วยว่า การที่ตนเองกล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ในบทสนทนาเกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้รับแจ้งจากฝ่ายความมั่นคงว่าทางการกัมพูชาไม่พอใจการเคลื่อนย้ายกำลังทหารของไทย ณ ช่องบก ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้าในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 จึงจำเป็นต้องสื่อสารเพื่อแยกบทบาทฝ่ายบริหารออกจากฝ่ายความมั่นคง ซึ่งสมเด็จฮุน เซน รู้สึกว่าเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับกัมพูชาในขณะนั้น และเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจที่อาจนำไปสู่การเปิดเจรจาในระดับทางการต่อไปโดยไม่ใช้มาตรการทางทหาร และทางเศรษฐกิจ อันอาจส่งผลกระทบแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ
ความตั้งใจเดียวของข้าพเจ้าตลอดบทสนทนา จึงเป็นเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยไม่มีเจตนาจะได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน ดังจะเห็นได้จากบทสนทนาว่าไม่มีข้อความตอนใดที่ตนเรียกร้องเอาผลประโยชน์ให้ตกเป็นของตนเองหรือครอบครัวแต่อย่างหนึ่งอย่างใดหรือได้ถือเอาประโยชน์ส่วนตนเหนือกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยไม่ซื่อสัตย์สุจริต หรือแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
ขอบคุณ สำนักข่าวอิศรา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ภูมิธรรม’ ยัน ‘อุ๊งอิ๊ง’ จริงใจ มีเจตนาดีต่อประเทศ ยันไร้แผนสำรองปมคลิปเสียง
- ‘อุ๊งอิ๊ง’ ระทึก!! ศาลรธน.นัดชี้ชะตาปมคลิปเสียงสนทนา ‘อังเคิลฮุนเซน’ 29 ส.ค. นี้
- ‘เลขานายกฯ’ ปัดข่าว ‘อุ๊งอิ๊ง’ จ่อลาออก ยันสั่งคำชี้แจงศาลคดีคลิปเสียงแล้ว!
ติดตามเราได้ที่