เช็กเลย! ประกันสังคม ปรับสูตรใหม่ ขยับเพดานเงินสมทบ 3 ขั้น เริ่มปี 69
สำนักงานประกันสังคม เตรียมรื้อโครงสร้างการคำนวณเงินสมทบ โดยปรับขึ้นเพดานค่าจ้างสูงสุดเป็น 23,000 บาทแบบ 3 ขั้น เริ่มปี 2569
สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เตรียมรื้อโครงสร้างการคำนวณเงินสมทบประกันสังคมใหม่ทั้งหมด โดยจะปรับขึ้นเพดานค่าจ้างสูงสุดที่ใช้ในการคำนวณจากเดิม 15,000 บาท เป็น 23,000 บาทในอนาคต ซึ่งจะดำเนินการแบบขั้นบันได 3 ขั้น เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป ภายใต้หลักการ “จ่ายมาก-ได้มาก” ที่จะทำให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
เปิดไทม์ไลน์ 3 ขั้น จ่ายมาก-ได้มาก
การปรับโครงสร้างเงินสมทบในครั้งนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ เพื่อให้ผู้ประกันตนและนายจ้างสามารถปรับตัวได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ขั้นที่ 1 (เริ่มปี 2569)
- เพดานค่าจ้าง จะถูกปรับจาก 15,000 บาท เป็น 17,500 บาท
- เงินสมทบสูงสุดต่อเดือน (กรณีลูกจ้างจ่าย 5%) จะปรับจาก 750 บาท เป็น 875 บาท
- สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น เช่น เงินสงเคราะห์คลอดบุตรปรับจาก 22,500 บาท เป็น 26,250 บาท, เงินทดแทนกรณีว่างงานเพิ่มเป็น 8,750 บาทต่อเดือน และเงินบำนาญ (กรณีส่งครบ 15 ปี) จะเริ่มต้นที่ 3,500 บาทต่อเดือน
ขั้นที่ 2 (ปี 2570 – 2572)
- เพดานค่าจ้าง จะขยับขึ้นเป็น 20,000 บาท
- เงินสมทบสูงสุดต่อเดือน จะปรับเป็น 1,000 บาท
- สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น เช่น เงินสงเคราะห์คลอดบุตรเพิ่มเป็น 30,000 บาท, เงินทดแทนกรณีว่างงานเพิ่มเป็น 10,000 บาทต่อเดือน และเงินบำนาญ (กรณีส่งครบ 15 ปี) จะเริ่มต้นที่ 4,000 บาทต่อเดือน
ขั้นที่ 3 (เริ่มปี 2573 เป็นต้นไป)
- เพดานค่าจ้าง จะปรับขึ้นสู่เพดานสูงสุดที่ 23,000 บาท
- เงินสมทบสูงสุดต่อเดือน จะอยู่ที่ 1,150 บาท
- สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น เช่น เงินสงเคราะห์คลอดบุตรเพิ่มเป็น 34,500 บาท, เงินทดแทนกรณีว่างงานเพิ่มเป็น 11,500 บาทต่อเดือน และเงินบำนาญ (กรณีส่งครบ 25 ปี) จะได้รับสูงสุดถึง 8,050 บาทต่อเดือน
สำนักงานประกันสังคมได้ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นในการปรับเพดานค่าจ้างในครั้งนี้ว่า มีเป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตนและสร้างความยั่งยืนให้แก่กองทุนในระยะยาว โดยมีเหตุผลหลัก 4 ประการคือ
- เพื่อให้สิทธิประโยชน์ (เงินทดแทนการขาดรายได้) พอเพียงกับการครองชีพในปัจจุบันของผู้ประกันตน
- เพื่อกระจายรายได้ จากผู้มีรายได้สูง ไปสู่ผู้มีรายได้น้อย
- เพื่อเพิ่มโอกาสในการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์
- เพื่อสร้างความมั่นคงให้กองทุนในระยะยาว ป้องกันการขาดดุลของเงินกองทุนในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง