โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไม่ใช่ทุกคนจะอยากเป็นแม่ คุยกับผู้หญิงสนับสนุนทำแท้งปลอดภัย

SpringNews

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คำว่า“ทำแท้ง” มักถูกผูกโยงกับบาป ความผิดศีลธรรม หรือการหนีความรับผิดชอบ ทั้งที่ในความเป็นจริง เหตุผลของผู้หญิงแต่ละคนซับซ้อนและแตกต่างกันออกไป โดยหนึ่งในเหตุผลสำคัญนั้นคือความไม่พร้อมที่จะเป็นแม่

ประเทศไทยได้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเมื่อปี พ.ศ. 2564 ให้การทำแท้งสามารถทำได้โดยไม่มีความผิดหากอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ หรือในบางกรณีที่เกินกำหนดแต่เข้าเงื่อนไขทางการแพทย์หรือเหตุผลอื่นที่กฎหมายรองรับ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของผู้หญิง แต่การยอมรับในระดับสังคมกลับยังเดินตามไม่ทันกฎหมายอคติและการตีตรายังคงทำให้ผู้หญิงจำนวนมากต้องเผชิญแรงกดดันทั้งจากคนรอบข้างและจากตัวเอง

ทีม SPRiNG ได้พูดคุยกับนิศารัตน์ จงวิศาล ตัวแทน "มูลนิธิกลทำทาง” ซึ่งทำงานให้คำปรึกษาเรื่องการทำแท้งอย่างปลอดภัย และยังเป็นผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง เพื่อเปิดมุมมองที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยิน ว่าไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะอยากเดินบนเส้นทางของความเป็นแม่เสมอไป และการเคารพการตัดสินใจของเจ้าของร่างกายคือสิ่งสำคัญที่สุด

เพราะสังคมตีตราไปแล้ว ผู้หญิงทำแท้ง = ผู้หญิงไม่ดี !?

นิศารัตน์เล่าว่า หลังการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้ง สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่การทำแท้งเป็นเรื่องยากต่อการเข้าถึง ทั้งในแง่ข้อมูล สถานบริการ และค่าใช้จ่าย ปัจจุบันผู้หญิงสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลงเพราะมีงบสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อีกทั้งสถานที่ให้บริการก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสมัยก่อน แต่ถึงอย่างนั้น การกระจายบริการยังไม่ทั่วถึงผู้หญิงในหลายจังหวัดยังต้องเดินทางไกลเพื่อเข้ารับบริการ และที่สำคัญคือ “อคติของสังคมยังคงอยู่”

“เพราะการทำแท้งมันเป็นเหมือนหลักฐานว่าเรามีเพศสัมพันธ์” เธอกล่าว “และทันทีที่สังคมรู้ ผู้คนก็มักจะตีความต่อว่า ผู้หญิงคนนั้นต้องมีเพศสัมพันธ์ในลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับขนบที่สังคมยอมรับ เช่น ไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่มั่นคง มีเพศสัมพันธ์นอกสมรส หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น อคติเหล่านี้จึงถูกติดไว้กับผู้หญิงที่ทำแท้งตั้งแต่แรก โดยไม่เปิดโอกาสให้เข้าใจเหตุผลหรือบริบทชีวิตของเธอ

“ดังนั้นเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์และต้องการทำแท้ง คนก็จะสรุปทันทีว่า เป็นผู้หญิงที่แย่”

เธอย้ำว่า ความเชื่อที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อมเป็นเพราะ “ไม่คุมกำเนิด” นั้นไม่เป็นความจริง “ผู้หญิงส่วนใหญ่พยายามคุมกำเนิดกันอยู่แล้ว แต่การคุมกำเนิดไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็มีโอกาสล้มเหลวได้” แม้จะใช้วิธีอย่างถูกต้อง ก็ยังมีโอกาส “พลาด” หรือ “หลุด” ได้เสมอ ตัวอย่างเช่น กรณีที่เคยได้ยินบ่อย การใช้ถุงยางแต่เกิดการฉีกขาดหรือรั่ว, การกินยาคุมผิดวิธี รวมถึงบางครั้งแม้จะทำถูกต้องทุกขั้นตอนก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้

“เราต้องใจดีกับคนอื่นหน่อย โดยเฉพาะคนอายุน้อยๆ ที่ยังไม่คุ้นเคยกับร่างกายและรอบเดือนของตัวเอง” เธอกล่าว “ขนาดคนอายุ 30 กว่าปี ยังพลาดกันได้ ไม่ใช่เพราะไม่ระวัง แต่เพราะไม่มีวิธีไหนที่ป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์”

ท้องต่อทั้งที่ไม่พร้อม ลดโอกาสเติบโตของผู้หญิง

นิศารัตน์เล่าว่า หากผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อม แต่กลับถูกสังคมหรือคนรอบข้างกดดันให้ต้องท้องต่อไป นั่นเท่ากับเป็นการบังคับให้เธอทำสิ่งที่ไม่อยากทำและยังไม่พร้อมจะทำ“มันกดดันมาก เหมือนคุณเป็นนักข่าว แต่ถูกบังคับให้สอบเป็นหมอ”

เธออธิบายว่า เหตุผลทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากต้องเผชิญความทุกข์ ต้องพยายามดิ้นรนหาทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้เลี้ยงดูลูก ไม่เพียงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสุขของตัวเธอเอง แต่ยังกระทบถึงคนรอบข้าง และอาจปิดกั้นโอกาสสำคัญในอนาคตของผู้หญิงอีกด้วย

“วันที่ฉันเลือกไม่เป็นแม่ การตัดสินใจที่ไม่เคยเสียใจ”

นิศารัตน์ทำแท้งครั้งแรกเมื่อปี 2553 ตอนนั้นการหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ให้บริการแทบเป็นไปไม่ได้ ไม่มีระบบออนไลน์หรือเครือข่ายให้คำปรึกษาเหมือนทุกวันนี้ กฎหมายก็ยังไม่เปิดกว้าง และเธอกังวลมากว่า ที่ที่จะไปนั้นปลอดภัยหรือไม่ ความโชคดีคือมีเพื่อนเคยใช้บริการกับสถานที่ที่ปลอดภัย เธอจึงตัดสินใจไปทำที่เดียวกับเพื่อน

“ตอนนั้นเรายังเรียนไม่จบ อยู่ในช่วงที่ถูกรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัยด้วย แล้วก็มีแฟนที่ความสัมพันธ์ไม่ได้ตรงไปตรงมาหรือมั่นคงเท่าไหร่ แถมแฟนยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติดอีก ตัวเราเองก็ไม่พร้อมหลายอย่าง ทั้งการเรียนที่ไม่จบ งานก็ไม่มี ความสัมพันธ์กับครอบครัวก็แย่ เรียกได้ว่าเรา ‘แย่ทุกทาง’ แล้วตอนนั้นเราก็ยังวัยรุ่นมาก”

“แต่เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เรามั่นใจว่าจะต้องทำแท้งแน่ๆ ก็คือ ต่อให้วันหนึ่งเราเรียนจบ มีงาน มีรายได้ หรือคิดว่าเราสามารถจัดหาสิ่งต่างๆ ให้เด็กได้ แต่ในความรู้สึกลึกๆ ว่าเราไม่ต้องการเป็นแม่ ต่อให้มีทุกอย่างพร้อมก็ตาม มันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำในตอนนั้น”

หลังทำแท้ง เธอไม่เคยรู้สึกผิด “เพราะมองว่าถ้าเราไม่ทำแท้ง ผลร้ายจะเกิดกับทุกคนรอบตัวมากกว่า ทั้งตัวเราเอง ครอบครัว และคนที่เกี่ยวข้อง” ตอนนั้นเธอคิดถึงพ่อแม่มากที่สุด เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาผิดหวัง แม้ครอบครัวไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน แต่ความสัมพันธ์ที่แย่อยู่แล้ว จะยิ่งแย่ลงไปอีกถ้ามีลูกในเวลานั้น

จากผู้รับคำปรึกษา สู่ผู้ให้คำปรึกษา

เมื่อครอบครัวทราบเรื่อง พ่อไม่เคยพูดถึงเลย ส่วนแม่บอกเพียงว่า “มันก็ผ่านไปแล้ว ไม่เป็นไร ต่อไปนี้ก็เอาใหม่” ซึ่งนิศารัตน์มองว่าเป็นความน่ารักที่แม่ไม่ซ้ำเติม แต่กลับให้กำลังใจ

ถ้าย้อนกลับไปแล้ววันนั้นไม่ได้ทำแท้ง เธอบอกว่า ตอนนี้ลูกคงอายุราว 15 ปี แต่เธอไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์พอที่จะให้กับเขา “การเลี้ยงลูกมันต้องใช้มากกว่าปัจจัย 4 คือต้องมีความมั่นคงทางใจและอารมณ์ ซึ่งเรายังไม่มีเลย”

หลังทำแท้ง เธอตัดสินใจกลับไปหาครอบครัว แม้ก่อนหน้านั้นจะเคยหนีออกจากบ้าน เธอเริ่มช่วยงานธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัวและวางแผนเรียนต่อ จนกระทั่งอายุ 25 ปี มีคนใกล้ชิดชวนให้ไปทำงานในองค์กรเล็กๆ ที่ทำเรื่องความหลากหลายทางเพศ แม้เงินเดือนไม่มาก แต่เปิดโอกาสให้เธอได้รู้จักคนทำงานด้านสิทธิการทำแท้ง“เราเห็นว่ามีคนที่มีประสบการณ์เหมือนเรา เราไม่ได้อยู่คนเดียว ก็เลยเดินไปบอกเขาว่า ‘เราอยากทำงานด้วย’

จากนั้นเธอเริ่มจากการเป็นเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาทางอีเมลและโทรศัพท์ จนปัจจุบันทำงานด้านนี้มานานกว่า 10 ปี

ทำแท้งปลอดภัยกว่าผ่าฟันคุด ข้อมูลจริงที่หลายคนไม่รู้

นิศารัตน์เล่าว่า จากประสบการณ์ให้คำปรึกษา สิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่กังวลที่สุดคือเรื่องความปลอดภัย รองลงมาคือเรื่องบาปกรรม ส่วนกฎหมายเป็นเรื่องรอง ความกลัวเหล่านี้มักเกิดจากภาพจำในสื่อที่ใช้คำรุนแรงอย่าง “รีดลูก” ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องโหดร้ายและน่ากลัว

“หน้าที่สำคัญของผู้ให้คำปรึกษาคือการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อคลายความกังวลและเปลี่ยนความเข้าใจที่ผิด” เธอกล่าว พร้อมอธิบายว่าปัจจุบันการทำแท้งสามารถทำได้อย่างปลอดภัยด้วยวิธีการใช้ยาหรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน “ตอนนี้มันปลอดภัยมาก สถิติยังบอกว่าปลอดภัยกว่าการผ่าฟันคุดด้วยซ้ำ”

เธอยืนยันว่า หลังทำแท้งแล้วสามารถมีลูกได้ตามปกติ เพราะกระบวนการทำแท้งเป็นการเลียนแบบการแท้งธรรมชาติ ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

ความเป็นแม่คือของขวัญ ไม่ใช่บทลงโทษ!

นอกจากนี้ เธอยังใช้ประสบการณ์ส่วนตัวประกอบกับคำสอนทางพุทธศาสนาที่ตีความอย่างเข้าใจผู้หญิง เช่น แนวคิดของท่านพุทธทาสภิกขุที่มองว่าการทำแท้งขึ้นอยู่กับ “เจตนา” และถ้าทำเพื่อช่วยให้พ้นทุกข์ก็ไม่นับเป็นบาป ซึ่งช่วยให้ผู้มาขอคำปรึกษารู้สึกสบายใจและยอมรับการตัดสินใจของตัวเองมากขึ้น

เธอย้ำว่า “คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง แต่ไม่มีสิทธิ์บังคับให้ผู้อื่นต้องใช้ชีวิตตามความคิดของคุณ” พร้อมอธิบายว่าการบังคับให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมต้องคลอดลูก เป็นเหมือนการลงโทษที่โหดร้าย “ความเป็นแม่ไม่ควรเป็นการลงโทษ มันควรเป็นของขวัญเมื่อมาถึงในเวลาที่พร้อม”

สุดท้าย นิศารัตน์อธิบายความหมายของสิทธิในร่างกายว่าเป็นสิทธิที่เจ้าของร่างกายสามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้อะไรเกิดหรือไม่เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเอง และเชื่อว่ามาตรา 301 ควรถูกยกเลิก เพราะการทำแท้งเป็นเรื่องของสุขภาพและควรอยู่ระหว่างคนไข้กับแพทย์เท่านั้น แม้ปัจจุบันจะมีข้อยกเว้นโทษในบางกรณี แต่ภาษากฎหมายยังทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าตนถูกกล่าวโทษอยู่ดี เธอจึงเรียกร้องให้ตัดออกไปทั้งหมด เพราะท้ายที่สุด การทำแท้งไม่ใช่เรื่องถูกหรือผิด แต่เป็นเพียงบริการด้านสุขภาพ และแม้จะก้าวหน้ามากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับสิทธิสตรีในสังคมไทย

นิศารัตน์ จงวิศาล ตัวแทน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก SpringNews

ลางมรณะ เมื่อปลาในแม่น้ำโขงพากันหดขนาดตัวลงครึ่งหนึ่ง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จัดอันดับ 10 ประเทศสะอาดที่สุดโลก ประจำปี 2025 ไอซ์แลนด์ครองแชมป์

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ชายที่อ่านหนังสือ 3,599 เล่ม แล้วบันทึกไว้ให้คนทั้งโลกได้อ่าน

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทำไม คนสบถ-คำด่า ถึงมีแม่อยู่ในนั้นเสมอ? ไม่ใช่แค่ไทย เป็นกันทั้งโลก

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ด่วน! ขอรับบริจาคเลือด กรุ๊ป AB ที่ ร.พ.สุรินทร์

The Bangkok Insight

"โฆษกบุ๋ม" โพสต์ถึงประชาคมโลก "สันติภาพที่ปราศจากความจริง… ไม่ใช่สันติภาพที่แท้จริง"

สยามรัฐ

ตำรวจพัทยา ร่วมปกครองบางละมุง ลงตรวจผับพัทยา ไร้ผิดมาตรการ 5 ปลอด

THE PATTAYA NEWS

"ภูมิธรรม" มอบ "ทวี-ธีรรัตน์" ลงพื้นที่ชายแดน มอบบ้านน็อคดาวน์ช่วยผู้ประสบภัยปะทะกัมพูชา "ทักษิณ" ร่วมบริจาค 2.6 ล้าน

The Better

ดร.ตฤณห์ เปิดหน้าชน ลุยแฉ หมอบี เส้นทางเงินโยงวัดพระบาทน้ำพุ

INN News

วัดเครือวัลย์ฯ แจ้งความกองปราบ หลังเจ้าอาวาสถูกปลอมลายเซ็น ถอนเงินไปหลายล้าน เหลือติดบัญชีแค่ 500 บาท

News In Thailand

ตราบใดที่รัฐบาลอยู่ จะเสียขาทหารอีกกี่นาย!!

TOJO NEWS

เจ้าหน้าที่ EOD ศรีสะเกษและตชด. 22 เข้าทำลายกระสุนปืนใหญ่ที่ตกค้างและไม่ทำงานในพื้นที่วัดบ้านทุ่งประทาย อ.กันทรลักษ์

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...