คณะรวมพลังแผ่นดิน นัดแถลงท่าที 29 ส.ค. หลังรู้ผลศาล รธน.ชี้ขาด
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการ "ประเทศไทยต้องมาก่อน" ระบุตอนหนึ่งว่า ขณะนี้คณะรวมพลังแผ่นดินฯ และฝ่ายประชาชน เตรียมตัวพร้อมรอศาล รธน.นิจฉัยนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร วันที่ 29 ส.ค.นี้ ในคดีถอดถอนข้อหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมการเมืองและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่
"ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น ต้องรอดูอารมณ์ของพี่น้อง ประชาชน เพราะเราจะไม่ก้าวไปไกลกว่าสถานการณ์และเกินกว่าความรู้สึกเนื้อแท้ของประชาชน สิ่งสำคัญถ้าแต่ละองค์กรไม่ทำหน้าที่แล้ว ท่ามกลางกระแสรักชาติขึ้นสูงสุด สถานการณ์จะไปไกลมาก” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวย้ำถึงความพร้อมของประชาชนว่า ถ้าผลพิพากษาออกมา นายกฯ อุ๊งอิ๊ง รอดคดีคลิปเสียงที่สนทนากับอังเคิลสมเด็จฮุนเซน ส่วนประชาชนต้องตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ของประเทศที่ล้มเหลว แต่หากไม่รอด คนจะเป็นนายกฯ ใหม่มาจากพรรคเดียวกัน คงไม่หลุดพ้นสถานการณ์อันเลวร้ายอยู่ดี ดังนั้น เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยแล้ว ประชาชนจะคิดอ่านและตัดสินใจอนาคตกันอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวลือผสมความเชื่อส่วนตัวแล้ว กระแสสังคมมีทั้งคาดกันว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊ง รอดและไม่รอดคดี ส่วนคณะรวมพลังแผ่นดินขอร้องนายกฯ อย่าลาออกก่อน 29 ส.ค. เพราะต้องการฟังคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการและวินิจฉัยกลางของศาล รธน. เพื่อเป็นบรรทัดฐานของบ้านเมืองในอนาคต อีกอย่างถ้าลาออกก่อนศาลมีคำตัดสินแล้ว สิ่งที่พูดกับอังเคิลฮุนเซน ศาล รธน.จะวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสิ้นเชิง
นายจตุพร กล่าวอีกว่า คนไทยไม่ได้ด้านชา แต่เฝ้ารอคิดอ่านให้ถึงวันศุกร์ที่ 29 ส.ค. เพื่อคิดอ่านกันว่า ถ้านายกฯ รอดจะทำอย่างไร หรือไม่รอดแล้วให้นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกฯ คนที่สามของพรรคเพื่อไทยมาจะทำหน้าที่นายกฯ รวมทั้งการรักษาดินแดนที่ถูกกัมพูชารุกเข้าครอบครอง โดยใช้ MOU 43-44 เป็นเครื่องมือ ส่วนไทยกลับนิ่งเฉยมาเนินนาน จนทำให้ชายแดนเข้าสู่สงครามแย่งดินแดนของสองประเทศ
“ส่วนสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นเช่นใด ต้องรอให้บ้านเมืองได้เห็นถึงความล้มเหลวถึงขีดสุดจะได้รู้ว่า อะไรเป็นอะไร แบบไหน อย่างไร เพื่อให้คนรับผิดแก้ปัญหาในเวลาต่อมาได้คิดอ่านกันไป ว่าประเทศควรอยู่กันด้วยสถานการณ์แบบนี้หรือไม่” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวถึงความตึงเครียดตามชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เรื่องดินแดนและอาณาเขตไม่ใช่ต้อมาเกรงใจกัน เมื่อรุกมาตารางนิ้วเดียวก็ยอมไม่ได้ สิ่งสำคัญการปล่อยปละละเลยจนมาถึงขณะนี้ แต่กลับพยามกอดความเสียหาย และไม่ยอมปรับหลักการการเจรจา MOU 43-44 ทั้งที่เสียเปรียบ ถูกละเมิดครั้งแล้วครั้งเล่า
ส่วนกรณีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าอ้างกฏหมายทั้ง 3 ฉบับยังไม่แล้วเสร็จ แล้วให้ประชาชนไปลงทะเบียนใช้รถไฟฟ้า 20 บาททำไม และรู้ได้อย่างไรว่า กฏหมายจะผ่าน ทำเป็นวุ่นวายกัน เหมือนให้ลงทะเบียนรับแจกเงินหมื่นแล้วไม่ได้ใช้
"เมื่อกฏหมายไม่ผ่าน ทำไมไม่พูดก่อนว่า รอกฏหมายก่อน แต่มาพูดให้ลงทะเบียนเพื่อต้องการแถ เอาเรื่องนี้มากลบเรื่องนี้ แล้วเหลวอีก ถ้าสำเร็จคนจับอะไรก็ต้องสำเร็จ บอกวันไหนก็ต้องเป็นวันนั้น แต่วันนี้เราอยู่ในสภาพสิ้นหวังกับรัฐบาลพันธุ์แบบนี้" นายจตุพร กล่าว