ดิว อริสรา น้ำตาไหลรับเลิกสามี ยอมเสียสละให้ลูกมีอนาคตที่ดี ขอกลับมาเริ่มต้นใหม่ ตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ดิว อริสรา น้ำตาไหลรับเลิกสามี ยอมเสียสละให้ลูกมีอนาคตที่ดี ขอกลับมาเริ่มต้นใหม่ ตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง
หลังจากที่ ดิว อริสรา เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย และพร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อเคลียร์ปัญหาหนี้สิน จากกรณีที่เจ้าตัวยืมทรัพย์สินมูลค่ารวม 62 ล้านของไฮโซสาว เมย์ วาสนา ไปจนเป็นข่าวใหญ่ไปแล้วนั้น และล่าสุดดิวได้ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกกับสื่อมวลชนถึงประเด็นดังกล่าว ในงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ DEEWA ร้านข้าวเหนียว ซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 ว่าการกลับมาครั้งนี้ เรื่องการทำงานถ้าตรงไหนที่สามารถทำได้ก็พร้อมรับเต็มที่อยู่แล้ว ก็อยู่ที่ว่าอันไหนถนัดหรือไม่ เพราะปกติก็ไม่ใช่คนที่เลือกงานมากอยู่แล้ว ใครสนใจก็ติดต่อเข้ามาได้ และก็มีโอกาสเยอะมากและขอบคุณทุกโอกาสทุกคนที่ติดต่อมา แต่ด้วยความที่ส่วนใหญ่จะเป็นการไลฟ์แล้วตอนนั้นดิวไม่ได้อยู่เมืองไทยการส่งของมันยากกว่าที่คิด แต่กลับมาอยู่ไทยแล้วก็จะง่ายขึ้น
ในส่วนของโอกาสและกำลังใจในการต่อสู้ก็ยังมี (น้ำตาคลอ) การกลับมาในชีวิตดิวรู้สึกว่ามันขึ้นๆ ลงๆ อยู่แล้ว ดิวไม่กลัวกลับการเริ่มต้นใหม่ (ร้องไห้) เพราะเราไม่ได้เริ่มมาจากศูนย์ เราเริ่มมาจากติดลบ ถ้าจำดิวตอน 16 ได้ จนดิวขึ้นไป จนเจอวิกฤตแล้วลงมา วันนี้วิกฤตหนักสุดดิวอาจจะกลับไปติดลบเหมือนเดิม ดิวไม่ได้กลัวกับการจะกลับมาเพื่อเริ่มต้นใหม่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกๆ กำลังใจ ทุกรอยยิ้มมันช่วยให้ดิวมั่นใจขึ้นในการที่อยู่ในประเทศไทย
ดิวสารภาพเลยว่าก่อนกลับดิวกลัวมาก กลัวคน อยู่ไต้หวันก็กลัวคนไทย มันเป็นความรู้สึกของเราที่กลัว ตอนเครื่องจะลงเราก็กลัว แต่พอเริ่มสัมผัสไปเรื่อยๆ แล้วดิวเป็นคนวัดๆ วันแรกก็ไปเซ็นทรัลลาดพร้าวเลย เจอคนไปเลย ให้รู้ว่าใจรับมันไหวไหม มันไปต่อได้ไหม แต่ฟีดแบ๊กคือดิวดูโซเชียลจนหลงลืมไปว่าจริงๆ คนไทยเป็นคนน่ารัก ให้โอกาสคน มีน้ำใจ ดังนั้นดิวเลยได้พลังใจจากคนรอบข้าง หรือแม้แต่พี่ๆ นักข่าวที่ไม่มีสายตาแบบนั้นมันเลยอุ่นใจขึ้น และอยากอยู่ประเทศไทยเลย ด้วยเราเจอทุกอย่างถาโถมมาแต่ที่เราสัมผัสมันตรงข้าม
สิ่งที่ทำให้เสียใจที่สุดคือตัวเราเองที่ทำผิดพลาดทุกอย่าง ดิวไม่ได้โทษใคร แต่รู้สึกว่าคนอย่างดิวเมื่อไหร่จะมีคำว่า บทเรียนที่จบ สักที ดังนั้นดิวไม่อยาดพลาดอีกแล้ว เบื่อกับการต้องมีเรื่องนั้นเรื่องนี้ รู้สึกเสียใจว่า เมื่อไหร่ดิวจะเป็นคนที่ไม่เป็นคนที่ผิดพลาดกับเรื่องแบบนี้สักที ถึงดิวจเข้าใจกับที่คนบอกว่า คนเรามันผิดพลาดได้เสมอ แต่สำหรับตัวดิวและจุดยืนของดิว คนที่รักให้โอกาสดิว ดิวควรพอได้แล้ว และควรเข็ดได้แล้ว ซึ่งคำตอบคือ เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ใช้ชีวิตให้มีสติขึ้น อยู่บนโลกความเป็นจริงมากขึ้น และมันต้องแก้ที่ตัวเอง ไม่ต้องกลัวว่าดิวจะแก้ไม่ได้ ดิวเคยขึ้นสุดและลงสุดแล้ว ณ วันนี้เลยไม่ได้ห่วงว่ามันจะแก้ยังไง รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ปลงมากขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น
การที่ออกมาพูดวันนี้ ดิว อริสราบอกว่า เป็นหน้าที่ที่ต้องทำในการทำงานและเป็นการตอบแทนคุณคนที่อยู่ด้วยมาตลอด รวมถึงการเจอนักข่าวเป็นสิ่งที่ต้องทำ วันนี้ไม่ได้เกร็งกับการที่ต้องให้สัมภาษณ์แต่เกร็งกับสายตาว่าทุกคนจะมองดิวแบบไหน จะรักกันเหมือนเดิมไหมมากกว่า (เสียงสั่น)
ก่อนที่ ทนายเอี้ยง นิติศักดิ์ มีขวด จะได้มาพูดถึงเรื่องคดีความว่า เมื่อวานนี้ได้มีการเคลียร์ยอดครึ่งหนึ่งให้กับเจ้าของร้านแบรนด์เนมมันนี่ไปแล้ว และมีข้อตกลงที่จะทำบันทึกทางแพ่งกันและจะมีการถอนฟ้อง ซึ่งพรุ่งนี้หรือมะรืนน่าจะเสร็จ ในส่วนกระเป๋า 2 ใบ เจรจาเบื้องต้นและได้รับคำตอบทางตำรวจและผู้เสียหายว่ายุติตามที่เราเสนอไปและมีการพูดคุยกัน หลังจากนี้จะส่งบันทึกเพื่อทำบันทึกกัน และจะนัดเจอกันเพื่อส่งมอบสร้อยบุลการีและกระเป๋า 2 ใบ คืนให้คุณเมย์ และน่าจะจบทุกอย่างในส่วนนี้ เรื่องฟ้องคุณเมย์เขามีเจตจำนงตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าถ้าคุณดิวเคลียร์ทุกอย่างจบหมด คุณเมย์เข้าใจและเห็นใจว่ายอดมันเยอะและให้เวลาคุณดิวจนถึงนาทีนี้ถ้าทุกอย่างเคลียร์จบ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็คุณเมย์ก็พร้อมที่จะถอนฟ้อง เรื่องสร้อยยอดมันเยอะคุณเมย์เขาก็มีน้ำใจช่วยครึ่งนึง แต่ก็ต้องทำหนังสือรับสภาพนี้และชดใช้
ดิว อริสรา ก็ได้เปิดใจเพิ่มเติมว่า ขอบคุณพี่เมย์ด้วย คนอาจจะเข้าใจว่าเราทะเลาะกัน แต่ต้องบอกว่าพี่เมย์เป็นพี่ที่น่ารักโดยตลอด เราคุยกันและเขาพร้อมจบ เขาเป็นคนดีและน่ารักกับดิว เรื่องถอนฟ้องเขาก็บอกว่า สักทีเถอะ และดิวต้องขอบคุณพี่ชายใจดีคนนึงด้วย ไม่รู้ว่าเขาประสงค์ออกนามไหม หรือใครเดาได้ว่าเป็นใคร เขาเป็นพี่ชายคนนึงที่เขาดีกับเรา เรื่องนี้จบได้เพราะเขา พี่เมย์จะไม่มั่นใจเลยถ้าไม่มีเขาคนนี้ แต่ไม่ใช่พี่ไผ่นะคะ ที่พูดเพราะอยากให้ทุกรู้ว่าการกลับมาของดิวไม่ใช่แค่ตัวดิว ทั้งพี่ชายน้องชาย หลายๆ คนที่ยังรักเราอยู่ และทำให้ดิวรักตัวเอง เขาเป็นคนโทรมาหาดิวเลยเพื่อจะช่วย เลยอยากพูดถึงเขาและอยากให้คนเดาให้ถูกว่าเป็นใคร เขาเป็นฮีโร่ของดิว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ช่วยเรื่องเงินแต่เขาช่วยประสานให้
ทั้งนี้เมื่อถามถึงยอดมูลค่า 60 ล้าน ในตอนนั้นว่ามีความจำเป็นยังไงบ้าง โดย ดิวกล่าวว่า จริงๆ ดิวไม่ได้เอามา 60 ล้าน ข่าวออกไปเป็นมูลค่า แต่เงินที่ดิวใช้คือ 20 กว่า มันเป็นความผิดของดิวเอง จะโทษว่าเป็นการใช้เงินเกินตัวด้วยมันก็ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะดิวทำธุรกิจหลายอย่างและดิวก็มั่นใจมากๆ กับการทำธุรกิจของดิว ดิวลงทุนไปขาดทุนเยอะมาก แต่ดิวไม่เคยหยุดทำ สารภาพตรงๆ ว่าไม่ได้เป็นไปตามเป้า การที่มองว่าดิวใช้เงินเกินตัว ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดิวต้องยอมรับผิดกับตัวเองด้วย ชีวิตเรามีหลายมุมอยากให้คนมองและเข้าใจ เราไม่ได้เอาเงินคนอื่นมาเพื่อซื้อแบรนด์เนมทั้งหมด มันไม่มีใครทำแบบนั้นหรอก มันล้มในหลายๆ เรื่องพร้อมกัน และมันก็ยังต้องมีภาพบางอย่างที่เรายังต้องประคองมันไว้ นี่มันคือความยากของเราที่เป็น วันนี้ก็แอบดีใจที่เราได้เริ่มต้นใหม่แบบจริงๆ ของเรา โดยที่ไม่ต้องประคองภาพอะไรบางอย่างไว้อยู่มันก็สบายตัวและสบายใจดี
และเมื่อถูกถามถึงเรื่องครอบครัว ทั้งสามีและลูก ดิว ก็ร้องไห้พร้อมเผยว่า ลูกๆ มีความสุขดี ได้เจอตอนที่อยู่ต่างประเทศอยู่ด้วยกันตลอด ส่วนสามี ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แบบที่เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตอนอยู่ไต้หวันไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน (ยากไหมกับสิ่งที่ต้องเผชิญแล้วยังต้องอยู่ตัวคนเดียว?) ถ้าเป็นพี่มันยากไหมล่ะ ก็อยู่กับลูก เพราะถ้าไม่อยู่กับลูกก็คงไม่อยากอยู่แล้ว พูดตรงๆ จากใจนะ ถ้าเราไม่พลังจากลูกเราก็คงท้อมากๆ ไปแล้ว ดังนั้นการที่ทุกคนเห็นว่าดิวทำไมไม่กลับมา เพราะดิวรู้สึกว่าถ้าดิวอยู่ไทยดิวจะไม่อยากอยู่แล้ว เลยขอเวลาตั้งหลักและเติมพลังจากสิ่งที่ดิวรักที่สุด ให้ดิวมีพลังและยังต้องอยู่ต่อ ตอนนี้ไม่ได้อยากให้ไปโจมตีเขาเพราะเขาก็ยังเป็นพ่อของลูกดิว แล้วเขาก็ยังทำในรูปแบบพ่อของลูกให้ดีที่สุดแหละ แม้ตัวดิวจะว้าเหว่หรือเผชิญปัญหาอยู่คนเดียวแต่ถ้าลูกๆ ของดิวมีความสุข มีอนาคต ดิวยอมเสียสละได้ทุกอย่างแหละ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดิว อริสรา น้ำตาไหลรับเลิกสามี ยอมเสียสละให้ลูกมีอนาคตที่ดี ขอกลับมาเริ่มต้นใหม่ ตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th