สธ.ลงตรวจวัดพระบาทน้ำพุ แนะปรับการดูแลผู้ป่วย–พบยังไม่ขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาล เก็บศพดองโดยไม่มีใบอนุญาต
เมื่อวันที่ 20 ส.ค.68 นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่ ตรวจ สถานชีวบาล วัดพระบาทน้ำพุ นำทีมผู้เกี่ยวข้อง กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสถานชีวภิบาลให้กับผู้ป่วยรักษาตัวที่วัดพระบาทน้ำพุ และตรวจสอบยาทุกชนิดที่อยู่ในสำนักงานผู้ป่วยว่าถูกต้องหรือไม่ ตรงกับที่จะนำมาใช้กับผู้ป่วยหรือไม่ พร้อมกันนั้นได้ขึ้นไปตรวจตามตึกผู้ป่วยโรคเอดส์หลังเก่าที่เลิกใช้แล้วเนื่องจากอยู่ในสภาพทรุดโทรม ลิงได้ขึ้นไปทำลายหลังจนรั่วน้ำฝนจึงชะลงมาทำลายสิ่งของ อุปกรณ์เสียหายจนใช้ไม่จนต้องย้ายผู้ป่วยลงมานอนรวมกันชั้นล่าง ซึ่งมีผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่กว่า 100 ชีวิต
นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่าวันนี้ได้พาทิมงานกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมดมาดูงานที่วัดพระบาทน้ำพุว่า มีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง ในการดำเนินการของวัดพระบาทน้ำพุ ที่มีข่าวในการบริหารงานของเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ว่ามีการทุจริตหรือเปล่าตามที่เป็นข่าว พาทีมกระทรวงสาธารณสุขมาตรวจสอบกันทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความผิดในแต่ละประเภท ทั้งเรื่องสำนักพระพุทธศาสนา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเข้าข่ายความผิดอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจาก วัดพระบาทน้ำพุไม่เคยขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาล เพิ่งมาจดเป็น สถานชีวาภิบาลดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ส่วนการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ของวัดพระบาทน้ำพุ ว่า จากที่ได้รับรายงาน พบว่า วัดพระบาทน้ำพุไม่เคยมีการขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลมาก่อน และเพิ่งจะขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นสถานชีวาภิบาล หรือสถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย เมื่อปี 2567 โดยมีผู้ป่วยในความดูแลทั้งหมด140 คน
ซึ่งผู้ป่วยทั้งหมดได้เข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล และได้รับยาตามที่แพทย์สั่ง แต่อาจจะไปพักรักษาตัวที่วัดพระบาทน้ำพุ เนื่องจากญาติหรือผู้ป่วยอาจเห็นว่า ที่วัดพระบาทน้ำพุมีคนคอยช่วยดูแลผู้ป่วย เพราะเป็นสถานชีวาภิบาล เหมือนกับเอกชนทั่วไป และหากมีผู้ป่วยเสียชีวิต วัดพระบาทน้ำพุก็สามารถขอรับเงินกับ สปสช. ได้
ส่วนมีข้อสงสัยว่า ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาวัดพระบาทน้ำพุมีชื่อเสียงด้านการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ แต่ไม่เคยมีการขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาล ทำไมจึงไม่เคยมีการดำเนินการเอาผิดใด ๆ มาก่อนนั้น นายธนกฤต ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาทางกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่เคยได้รับการร้องเรียน และยังไม่เคยปรากฏว่ามีความเสียหายเกิดขึ้น แต่หลังจากนี้หากพบว่า มีการรักษาพยาบาล หรือการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น หากในการรับบริจาคระบุว่า จะนำเงินไปใช้รักษาพยาบาลผู้ป่วย แต่ไม่ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ก็จะถือว่ามีความผิด ซึ่งทั้งหมดต้องรอการตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงอาจต้องรอให้มีผู้ร้องเรียน หรือแจ้งข้อมูลเบาะแสเข้ามาก่อนด้วย
นายธนกฤต กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลของสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี พบว่า ในพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุมีการขอใบอนุญาตปลูกกัญชา เมื่อปี 2567 เนื้อที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร ด้วยบอกว่า เพื่อการจำหน่ายแปรรูปและส่งออกด้วย โดยระบุชื่อเป็นบริษัทเอกชน ซึ่งในส่วนนี้ก็อาจจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องต่อไป ส่วนศพผู้เสียชีวิตที่โชว์ไว้ในพิพิธภันฑ์เป็นร่างดองไว้ให้นักท่องเที่ยวชมนั้น ไม่มีใบอนุญาตผิด พรบ.การเก็บศพ แต่เป็นหน้าที่ของทหาดไทย หรือท้องถิ่นควรมาดูแล ไม่ควรเก็บไว้โดยสรุปว่า สถาชีวภิบาลนั้นยังไม่พบความผิด แต่ควรจะต้องมีข้อแนะนำอะไรบางอย่างต่อไป