“ดิว อริสรา” บอกชัดแยกทางสามี ยกลูกทำให้อยากมีชีวิตอยู่ เดินหน้าใช้หนี้ “เมย์ วาสนา”
ดิว อริสรา เปิดใจทั้งน้ำตาหลังเดินทางกลับจากไต้หวัน พร้อมเคลียร์ประเด็นหนี้สิน เมย์ วาสนา ขอกลับมาเป็นคนที่ดีกว่าเดิม ยกลูกทำให้อยากมีชีวิตอยู่ รับตอนนี้แยกทางกับสามีแล้ว
ดิว เผยว่า เรื่องการทำงานนั้น งานที่ดิวทำได้และถนัดก็จะทำเต็มที่ ช่วงนี้รับงาน ไม่ได้เลือกรูปแบบงาน เพราะความจริงเราไม่ได้เป็นคนเลือกงานมากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้มีโอกาสเข้ามาเยอะมาก ขอบคุณทุกคนที่ติดต่อเข้ามา แต่ด้วยความที่ส่วนใหญ่เป็นงานไลฟ์ และดิวไม่ได้อยู่ประเทศไทย การส่งของก็จะยาก ถ้ากลับมาอยู่ไทยแล้ว อะไรที่ยากก็ทำงานขึ้น ขอขอบคุณทุกคนที่ยังให้โอกาส รู้สึกมีกำลังใจ
จริง ๆ ในชีวิตดิวขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แล้ว ดิวไม่ได้กลัวกับการเริ่มต้นใหม่ เพราะเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ จนดิวขึ้นไป ครั้งนี้เป็นวิกฤติหนักสุด เราก็ติดลบเหมือนเดิม ทุกโอกาสและกำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้ดิว ก่อนกลับเมืองไทย ดิวรู้สึกกลัวมาก ตอนที่อยู่ไต้หวันก็กลัวคนไทย แต่พอเริ่มได้สัมผัส วันแรกไปลองห้างเลย เพื่อจะได้รู้ว่าใจเรารับไหวมั้ย เพราะเราดูโซเชียลจนลืมไปว่าคนไทยน่ารักและให้โอกาสคน ดิวเจอคนรอบข้าง ช่างหน้า ช่างผม นักข่าว ตอนแรกรู้สึกกลัว แต่พอมาเจอจริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้น เลยอุ่นใจและอยากอยู่ประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาเราเจอทุกอย่างถาโถม พอสิ่งที่สัมผัสนั้นตรงข้ามกับความกลัว ก็ทำให้อุ่นใจว่าประเทศไทยคือบ้าน
สำหรับสิ่งที่ทำให้เสียใจที่สุด คือตัวดิวเองที่ทำผิดพลาดทุกอย่าง เมื่อไหร่ดิวจะมีบทเรียนที่จบสักที ดิวเบื่อตัวเอง คนที่ไม่รักดิวก็ต้องเบื่อที่เป็นแบบนี้ สิ่งที่เสียใจที่สุดคือเมื่อไหร่จะเป็นคนที่ไม่ผิดพลาดในเรื่องแบบนี้สักที ดิวควรพอและเข็ดได้แล้ว จากนี้ไป เราต้องเปลี่ยนตัวเองและใช้ชีวิตมีสติขึ้น อยู่บนโลกความจริงมากขึ้น และต้องแก้ที่ตัวแอง ไม่ต้องกลัวแก้ไม่ได้ เพราะเราเคยขึ้นสุดและลงสุด ตอนนี้ปลงขึ้น เห็นอะไรมากขึ้นในหลายเรื่อง การกลับมาทำงานเป็นหน้าที่ที่ดิวต้องทำ และการเจอนักข่าวก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว ดิวไม่ได้เกร็งกับการให้สัมภาษณ์ แต่เกร็งสายคนมากกว่าว่ายังรักกันเหมือนไหม
ในส่วนการใช้หนี้สินนั้น ทนายความของดิวได้ บอกว่าตอนนี้เคลียร์ไปครึ่งหนึ่งแล้วให้ร้านแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด และทำบันทึกตามแพ่ง รวมถึงถอนฟ้อง คาดว่าพรุ่งนี้หรือมะรืนน่าจะเสร็จ ส่วนเรื่องกระเป๋าอีก 2 ใบนั้น ที่ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่และผู้เสียหาย น่าจะมีการนัดเจอที่กองปราบฯ ก็น่าจะยุติ จะได้นำสร้อยและกระเป๋าคืนเมย์ ซึ่งในส่วนของสร้อยหรูนั้นยอดเยอะ ทางเมย์จึงได้มีการช่วยจ่าย และได้ทำเรื่องรับสภาพหนี้ ผ่อนจ่ายให้เมย์ต่อไป
ส่วนการถอนฟ้องนั้น เมย์มีเจตน์จำนงว่า ดิวเคลียร์จบ เมย์ก็พร้อมถอนฟ้อง ซึ่งดิวได้ขอบคุณพี่เมย์ เป็นพี่ที่น่ารักตลอด เราคุยกัน และพี่เมย์พร้อมจบ พี่เมย์เป็นคนดี รวมทั้งขอบคุณพี่ชายใจดี เขาเป็นคนที่ดีกับเรา เรื่องนี้จบได้เพราะเขา พี่เมย์ไม่มั่นใจเลยถ้าไม่มีเขา ไม่รู้ว่าเขาสะดวกให้พูดชื่อไหม แต่คนนี้ไม่ใช่พี่ไผ่ วันพอยท์ ซึ่งการเคลียร์ของดิวหรือกลับมา ไม่ใช่แค่ตัวดิว มีทั้งพี่และน้องที่ยังรักเรา เราเลยยังรักตัวเอง พี่ชายคนนั้นโทรฯ หาดิวเอง ซึ่งเราไม่เคยโทรฯ ไปขอความช่วยเหลือจากเขาเพราะกลัว แต่พี่ชายคนนี้เป็นคนนึงที่ทักมาเพื่อช่วย เราอยากพูดถึงเขา และอยากให้เดาให้ถูก เขาคือฮีโร่คนนึงของดิว เขาไม่ได้ช่วยเรื่องเงิน แต่ช่วยประสานและไกล่เกลี่ย
นอกจากนี้ดิวยังเคลียร์อีกว่า เรื่องจริงดิวเอามาเงินมาใช้ 20 ล้านบาท ไม่ใช่ 60 ล้าน ยอมรับมันเป็นการใช้เงินเกินตัวก็ใช่แต่ไม่ใช่ทั้หมด เพราะดิวทำธุรกิจหลายอย่าง ดิวลงทุนและขาดทุน ธุรกิจไม่ได้เป็นไปตามเป้า ธุรกิจทำแล้วตอนแรกแล้วมีความมั่นใจว่าทำได้และอยากทำ ชีวิตเรามีหลายมุม อยากให้มองและเข้าใจ ไม่อยากให้มองว่าเอาเงินคนอื่นมาซื้อแบรนด์เนม มันล้มในหลายเรื่องพร้อมกันและมีภาพบางอย่างที่ต้องประคองไว้ เป็นความยากของเรามีที่ภาพที่เรามาเป็นแบบนี้ ก็แอบดีใจ ที่ได้เริ่มต้นใหม่ในแบบที่เป็นเรา ไม่ต้องประคองภาพที่เป็นอยู่ ก็สบายตัว สบายใจดี ซึ่งตอนี้ในทุกวินาทีพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ดิวอยากให้มันจบเร็วที่สุด ตอนนี้ยอดที่เหลือแยกหลายส่วน สร้อยมรกตได้คืนไปและผ่อนชำระส่วนนึงแล้ว ยอดรวมที่เอามา 20 ล้าน ก็ผ่อนชำระบ้าง ยอดที่เหลือมันพูดยาก เพราะต้องคำนวน ระหว่างทางเราก็จ่ายไปเรื่อย ๆ ยอดโดยรวมจริง ๆ คือ 20 ล้าน ไม่ใช่ 60 และมีเคลียร์ไปบ้าง
ส่วนเรื่องครอบครัว ลูก ๆ ก็มีความสุขดี ได้เจอลูกบ้าง อยู่ต่างประเทศก็อยู่ด้วยกันตลอด ส่วนสามีความสัมพันธ์ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน เราก็ต้องอยู่กับลูก ถ้าไม่อยู่กับลูกคงไม่อยากอยู่แล้ว อย่าคิดแบบดิว เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ถ้าเราไม่มีพลังจากลูก เราคงท้อมาก ๆ แล้ว การที่ทุกคนเห็นดิวทำไมไม่กลับ เพราะดิวรู้สึกว่าถ้าอยู่ไทยก็ไม่อยากอยู่แล้ว ขอเวลาไปตั้งหลัก เวลาตั้งหลักคือเติมพลังจากสิ่งที่รักที่สุด ให้มีพลังว่าทำไมดิวต้องอยู่ต่อนะ ดิวไม่อยากให้ไปโจมตีอดีตสามี เขาก็พยายามทำในรูปแบบพ่อของลูกให้ดีที่สุด แม้ตัวดิวจะว้าเหว่ เผชิญปัญหาคนเดียว แต่ถ้าลูกดิวมีความสุข มีอนาคต ดิวยอมเสียสละได้ทุกอย่าง
ข่าวที่ออกมาก็กระทบดิว ดิวต้องสู้ทั้งข้างหน้าและหลังบ้าน ข่าวที่ออกไม่ได้ตรงเรื่องจริง จากลูกที่จะได้มางานศพพ่อดิวก็ไม่ได้มา อยากให้เห็นใจดิวนิดนึง ก่อนบอกว่าถ้าคิดหนี ดิวคงไม่ออกมาไลฟ์ขายของ พอดิวจะฮึบสู้ คุณพ่อก็เสีย ทุกอย่างเหมือนจังหวะไม่มีโอกาสให้เราได้ออกมาสักที มันหลายอย่าง ดิวก็กลัวว่าไม่จบ เราอยู่บนความกลัว เราแค่ตั้งหลักและทลายความกลัวให้กล้ากลับมา และเราพยายามเผชิญความเป็นจริงและแก้ไขตลอด เราพยายามทำทุกวินาทีให้ดีที่สุด
ดิวคงไม่ได้กลับมาเป็นดิวได้เหมือนเดิม ณ วันนี้ เรายังไม่มีพลังความมั่นใจในตัวเองขนาดนั้น ถ้าเป็นดิวต้องเป็นดิวที่ดีกว่าเดิม ใครจะรักเรา ก็จะรักเราในแบบที่เราเป็น จากพฤติกรรมของเรา ไม่ใช่อายุ เราไม่อยากทำให้คนที่ซัปพอร์ตผิดหวัง เหตุการณ์นี้สอนดิวเยอะ สอนทั้งเห็นตัวเองว่าเป็นยังไง เห็นใคร ๆ ว่าเป็นยังไง เห็นว่าชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน และบางอย่างที่เรามองข้าม คนนั้นก็เป็นพลังให้เรา ทำให้อยากกลับมาอยู่ประเทศเทศไทย ตอนนี้ความกลัวลดลงเยอะ อยากอยู่ประเทศไทยขึ้น ไม่อยากไปไหนแล้ว ผิดพลาดก็พร้อมปรับปรุง ท้ายสุดดิวขอบคุณทุกคนในชีวิตที่อยู่กับดิว ขอบคุณแฟนคลับ และขอบคุณครอบครัวสามีเก่า ที่ยังให้เราอยู่กับลูก ขอบคุณทุกกำลังใจมาก ๆ