จับหนุ่มเกาหลี รับจ้างชาวจีน ขับรถตระเวนส่ง SMS หลอกดูดเงินทั่วกรุง
วันที่ 20 ส.ค.68 เวลา 12.30 น ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลจับกุมชาวเกาหลีใต้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ก่อเหตุขับรถตระเวนส่ง SMS ปลอม ด้วยเครื่องจำลองสถานีฐาน False Base Station (FBS) กลางกรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ และทีมวิศวกรจากบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ได้ร่วมกันสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายที่ตระเวนส่ง SMS แนบลิงก์ปลอม กระทั่งพบว่ามีรถยนต์ต้องสงสัย ขับผ่านแยกเอกมัย เข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มุ่งหน้าถนนอโศก-ดินแดง แยกประชาสงเคราะห์ และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งตรวจพบสัญญาณคลื่นความถี่ที่ผิดปกติเคลื่อนที่ไปพร้อมรถยนต์คันดังกล่าว จึงสะกดรอยตาม ก่อนแสดงตัวเข้าสกัดจับที่บริเวณริมถนนอโศก-ดินแดง
จากการตรวจค้นพบผู้ขับขี่ คือ Mr.Dohyong Kim อายุ 35 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ภายในรถมีอุปกรณ์เป็นเครื่องจำลองสถานีฐาน (FBS) กำลังทำงานอยู่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ดัดแปลงการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ต่างๆเพื่อส่งเข้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในรัศมีและมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ พร้อมอุปกรณ์กระจายสัญญาณจำนวน 1 กล่อง และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของ Mr.Dohyong Kim พบข้อความการสนทนาระหว่างผู้ต้องหากับผู้ว่าจ้างชาวจีนผ่านแอปพลิเคชั่น Telegram ซึ่งเบื้องต้นเจ้าตัวยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างให้ตระเวนขับรถส่ง SMS ในพื้นที่กรุงเทพฯ บริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่านตามเส้นทางที่กำหนดให้ และต้องรายงานผู้ว่างจ้างทุก 30 นาที โดยเคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 17 - 19 ส.ค.68 ได้ค่าจ้างวันละ 100,000 วอน หรือ 2,339 บาท แต่ครั้งแรกที่ทำได้รับเงินเป็นรายสัปดาห์จำนวน 550 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 17,869 บาท
เบื้องต้น ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะมีการสืบสวนว่าผู้ว่าจ้างชาวจีนรายดังกล่าวเป็นรายเดียวกันกับกรณีที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้หรือไม่ และขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป
พล.ต.ท.ไตรรงค์ บอกว่าสำหรับการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ถือว่ามีการกระทำที่เป็นขบวนการ ซึ่งจะมีความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และยังอาจเข้าข่ายความผิดอีกหลายข้อหา โดยหากตรวจสอบพบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง หากพบว่ามีการร่วมกันกับคนร้ายที่อยู่ในต่างประเทศก็จะมีความผิดฐาน มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเครื่อง FBS ไม่มีจำหน่ายในไทย ดังนั้น หากผู้ใดนำเข้า หรือครอบครองก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรด้วย
ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ ตำรวจไซเบอร์สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ตระเวนส่ง SMS ปลอมได้แล้ว 3 ราย สาเหตุหนึ่งเกิดจากช่วงนี้คนไทยข้ามไปกัมพูชาลำบากมากขึ้น แก๊งคอลเซนเตอร์จึงหาคนไทยไปทำงานในขบวนการคอลเซนเตอร์และพาบัญชีม้าข้ามไปสแกนหน้าได้ยาก ทำให้ต้องกลับมาใช้วิธีจ้างคนตระเวนส่งลิงก์ดูดเงินเหมือนเดิม จึงอยากฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง พร้อมย้ำว่าธนาคารหรือศูนย์การค้าจะไม่มีการส่งลิงก์ใด ๆ เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล หากพบข้อความต้องสงสัยสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 หรือสายด่วน 191
สำหรับเครื่อง FBS จะสามารถเปลี่ยนชื่อผู้ส่ง(Sender Name) ให้เหมือนข้อความจริงได้ โดยจะมีการตัดสัญญาณเครือข่ายมือถือจริงของเหยื่อ ก่อนส่งข้อความปลอมให้ โดยจะสังเกตได้จากสัญญาณโทรศัพท์ที่จะลดคุณภาพลงอย่างรวดเร็วจาก 5G ลงมาเหลือ 3G หรือต่ำกว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้น เมื่อได้รับข้อความต้องสังเกตว่าเป็นข้อความจากเครือข่ายผู้ให้บริการมือถืออื่นที่ไม่ได้ใช้บริการ หรือมีการแนบลิงก์มาด้วยหรือไม่.
ข่าวก่อนหน้านี้