4 พฤติกรรมเล็กๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวมากกว่าที่คิด
ในยุคที่ใครๆ ก็อยากมีผิวสุขภาพดี ไม่ว่าจะเพราะความมั่นใจ ความดูดี หรือเพื่อความสะดวกในการแต่งหน้า การดูแลผิวจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันที่หลายคนให้ความสำคัญ ตั้งแต่การเลือกใช้สกินแคร์ การปกป้องผิวจากแสงแดด ไปจนถึงการเข้ารับบริการฟื้นฟูผิวตามคลินิกความงามต่างๆ แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกต คือพฤติกรรมเล็กๆ ที่ทำเป็นประจำโดยไม่รู้ตัว ซึ่งแม้จะดูไม่น่าจะมีผลอะไร กลับส่งผลกระทบต่อผิวมากกว่าที่คิด คุณอาจกำลังสงสัยว่าทำไมผิวยังดูหมองคล้ำ เป็นสิว หรือแห้งลอก ทั้งที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ คำตอบอาจอยู่ที่ “นิสัยในชีวิตประจำวัน” เหล่านี้ ที่ค่อยๆ บั่นทอนสุขภาพผิวในระยะยาวโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมมากมายที่ถูกพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวในแต่ละรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อถือในระดับสากลก็คือ Galderma ที่มีแนวทางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลากหลาย ซึ่งช่วยฟื้นฟูและเสริมความมั่นใจให้กับผิวในทุกช่วงวัย เพื่อให้คุณเข้าใจและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว ลองมาดูกันว่า “4 พฤติกรรมเล็ก ๆ” ที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวมีอะไรบ้าง และจะดูแลตัวเองให้ดีขึ้นได้อย่างไร
1.หมั่นดูแลความสะอาดของใช้ที่สัมผัสผิวหน้า
ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสกับผิวหน้า เช่น ปลอกหมอน ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขนหนู หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ ล้วนเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ฝุ่น และสิ่งสกปรกต่างๆ หากไม่ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ สิ่งสกปรกเหล่านี้สามารถถ่ายทอดสู่ผิวหน้า ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และกระตุ้นให้เกิดสิวหรือผิวระคายเคืองได้ง่าย การดูแลความสะอาดของสิ่งของเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนมองข้าม โดยควรทำความสะอาดปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าเป็นประจำ รวมถึงหมั่นเช็ดทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค ซึ่งแน่นอว่า Galderma ได้นำเทคนิคและขั้นตอนการดูแลความสะอาดดีๆ มาให้คุณได้ทำตามเพื่อสุขภาพผิวที่ดีกันอีกด้วยค่ะ
- ทำไมต้องดูแลความสะอาดของใช้ที่สัมผัสผิวหน้า เพราะสิ่งสกปรกและแบคทีเรียสะสมบนสิ่งของเหล่านี้ อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวและผิวแพ้ง่ายลดความเสี่ยงการติดเชื้อและการอักเสบของผิวหน้า
- วิธีดูแลปลอกหมอนและผ้าเช็ดหน้า ควรซักปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ด้วยน้ำยาซักผ้าที่อ่อนโยนใช้ผ้าเช็ดหน้าที่สะอาด และเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าทุกวันเลือกผ้าที่นุ่มนวล ไม่ทำร้ายผิว เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าไมโครไฟเบอร์
- ดูแลโทรศัพท์มือถือให้สะอาด หมั่นเช็ดหน้าจอโทรศัพท์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ชนิดอ่อนหลีกเลี่ยงการแนบโทรศัพท์กับผิวหน้าโดยตรงใช้หูฟังหรือบลูทูธแทนการแนบโทรศัพท์ที่แก้มบ่อยๆ
ด้วยการดูแลและรักษาความสะอาดของสิ่งของเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยปกป้องผิวหน้าจากการเกิดปัญหา ช่วยให้ผิวสุขภาพดี สดใส และลดความเสี่ยงจากการอักเสบได้เป็นอย่างดีอีกด้วยนะคะ
2. การดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพผิว เพราะน้ำช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นจากภายใน ทำให้ผิวดูสดใส นุ่มนวล และยืดหยุ่นมากขึ้น การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจึงมีผลต่อสุขภาพผิวมากกว่าที่หลายคนคาดคิด น้ำช่วยให้ผิวไม่แห้งตึง ลดการลอกเป็นขุย และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายผ่านทางไตและระบบขับถ่าย ทำให้ผิวสะอาดสดชื่นและดูเปล่งปลั่งมากขึ้น นอกจากนี้ ผิวที่ได้รับน้ำเพียงพอจะมีความยืดหยุ่นดี ช่วยชะลอริ้วรอยและความแก่ก่อนวัยได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยทั่วไป ทุกคนควรดื่มน้ำวันละประมาณ 8 แก้ว หรือราวประมาณ 2 ลิตร แต่ปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามกิจกรรมและสภาพอากาศ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่สุขภาพผิวของตนเอง และทุกคนควรที่จะดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตลอดวัน เช่น เริ่มจากการดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอน และพกน้ำติดตัวไปด้วยเสมอ การรับประทานผักและผลไม้ที่มีน้ำสูงก็ช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้ผิวได้เช่นกัน สำหรับการดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้ผิวของคุณสุขภาพดี เปล่งปลั่ง สดใส และมีชีวิตชีวาจากภายในสู่ภายนอก
3. ไม่นอนดึกและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพผิวที่ดี
การนอนหลับอย่างเพียงพอและไม่นอนดึกมีผลโดยตรงต่อสุขภาพผิวที่หลายคนอาจมองข้าม ในช่วงเวลาที่เราหลับ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวให้กลับมาสุขภาพดี เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีเวลานอนที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการนอนหลังเที่ยงคืน ระบบฟื้นฟูผิวจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ มีริ้วรอย และขาดความยืดหยุ่น นอกจากนี้แล้วการนอนดึกยังกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนความเครียดที่อาจทำให้ผิวอักเสบหรือเกิดสิวมากขึ้นการจัดตารางเวลานอนให้เหมาะสม ทุกคนควรที่จะพยายามเข้านอนก่อน 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน และนอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผิวได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ฟื้นฟูได้ดีขึ้นและส่งผลให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี สำหรับการนอนหลับที่ดีช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเครียด และช่วยให้ผิวแข็งแรงต่อสู้กับมลภาวะและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย การไม่นอนดึกและพักผ่อนให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผิวของคุณสวยสุขภาพดี
4. ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลสุขภาพผิวที่หลายคนอาจมองข้าม แม้ว่าจะไม่ได้ออกไปตากแดดโดยตรง การสัมผัสกับรังสี UV จากแสงแดดในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทาง หรือแม้แต่แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็สามารถทำร้ายผิวและเร่งให้ผิวแก่ก่อนวัยได้ ครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย และมะเร็งผิวหนัง การใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากแสงแดดและรักษาความสวยของผิวในระยะยาว และแน่นอนว่าวันนี้ Galderma ได้นำวิธีการใช้ครีมกันแดดที่ถูกต้องมาให้ทุกคนได้อ่านและใช้กันอย่างถูกวิธีมาดูกันเลยค่ะ
- เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และมีการป้องกันทั้ง UVA และ UVB (Broad Spectrum)
- ทาครีมกันแดดในปริมาณที่พอเหมาะ ประมาณ 1 ช้อนชาหรือประมาณ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตรของผิวหน้า
- ทาครีมก่อนออกจากบ้านอย่างน้อย 15-20 นาที เพื่อให้ครีมซึมซาบและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะถ้าอยู่กลางแจ้งนานๆ หรือหลังว่ายน้ำหรือเหงื่อออกมาก
- ทาครีมกันแดดบริเวณคอ หู และบริเวณอื่นๆ ที่สัมผัสแสงแดดบ่อยๆ ด้วย
การใช้ครีมกันแดดทุกวันไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด แต่ยังช่วยรักษาผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ลดปัญหาผิวหมองคล้ำและป้องกันโรคผิวหนังต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ใครที่ได้ทำตามวิธีดังกล่าว รับรองว่าสุขภาพผิวของคุณดีอย่างแน่นอน
บทสรุปของพฤติกรรมเล็กๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพผิว
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเพียงพฤติกรรมเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน แต่ก็สามารถส่งผลต่อสุขภาพผิวในระยะยาวได้อย่างมากๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมเหล่านั้นกลายเป็นกิจวัตรที่ทำซ้ำทุกวัน เช่น การล้างหน้าไม่สะอาด การนอนดึกเป็นประจำ การดื่มน้ำน้อย หรือแม้แต่การไม่เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยๆ ล้วนเป็นจุดเล็กๆ ที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เกิดสิว ความหมองคล้ำ หรือการอักเสบของผิวหนังได้ในทางกลับกัน พฤติกรรมที่ดูเหมือนเล็กน้อยอย่างการดื่มน้ำให้เพียงพอ ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ และนอนหลับให้เพียงพอ ก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของผิวที่แข็งแรงและดูสุขภาพดีได้เช่นกัน ดังนั้น การดูแลผิวให้ดีไม่จำเป็นต้องเริ่มจากอะไรที่ใหญ่โตหรือซับซ้อน แค่เริ่มใส่ใจจากพฤติกรรมเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนผิวพังให้กลายเป็นผิวแข็งแรงในระยะยาวได้แล้ว