ธอส.ลุยสินเชื่อบ้านระดับบน กระตุ้นแบงก์เอกชนร่วมแข่ง
#ธอส. #ทันหุ้น - “พิชัย” แนะธอส.ลุยสินเชื่อบ้านระดับบน หวังกระตุ้นแบงก์เอกชนร่วมแข่ง ขณะที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ์ ด้านเอ็มดีธอส.ชูนโยบายดอกเบี้ยต่ำสุดในระบบ เผย 6 เดือนปล่อยสินเชื่อแล้ว 1 แสนล้านบาท ตั้งเป้าครึ่งปีหลังนี้ จะปล่อยได้อีก 1.5 แสนล้านบาท ทั้งปีมั่นใจเกินเป้าหมาย 2.41 แสนล้าน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า ตนต้องการผลักดันให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เข้าสู่ตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบอื่นๆ มากขึ้น นอกเหนือจากที่อยู่อาศัยในระดับล่าง
นายพิชัย กล่าวว่า ธอส.ซึ่งเป็นสถาบันเฉพาะกิจของรัฐ ทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 72 ปี ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดในสินเชื่อที่อยู่อาศัยสูงถึง 42% และธอส.ก็มีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น BIS Ratio หรืออัตราการขยายตัวของสินเชื่อ
ดังนั้น ธอส. จึงอยู่ในฐานะที่มีความพร้อม ที่จะก้าวเข้าไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ์ ที่จะแก้ไขจากการให้เช่าที่ดินไม่เกิน 30 ปี เป็นไม่เกิน 99 ปี
ในปัจจุบัน ธอส.ได้ขยายขอบเขตของการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัย จากที่เคยอยู่ในตลาดที่อยู่อาศัยของคนรายได้น้อยถึงปานกลาง ไปสู่ตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในระดับ Premier Home ตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเชื่อว่าจะกระตุ้นให้สถาบันการเงินอื่นต้องกระโดดเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้มากขึ้น เพราะ ธอส.จะกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้กู้ในตลาดระดับบนนี้
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ธอส.ได้ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปแล้ว 1 แสนล้านบาท และตั้งเป้าหมายว่า ในครึ่งปีหลังนี้ จะปล่อยได้อีก 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ปล่อยสินเชื่อในปีนี้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เล็กน้อย โดยเป้าหมายอยู่ที่ 2.41 แสนล้านบาท
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าวว่า จากนโยบายของธนาคารที่ไม่ต้องการกำไรสูงสุด แต่ต้องการทำให้คนไทยเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้มากที่สุดนั้น ทำให้อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส.อยู่ในระดับ ที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐอื่นๆ โดยปัจจุบัน MRR ของ ธอส.อยู่ที่ 6.545%
นอกจากนี้ ธอส.ยังได้ขยายระยะเวลาการกู้สูงสุดออกไปอีก เป็นสูงสุดที่ 85 ปี เมื่อรวมอายุของผู้กู้กับระยะเวลากู้ จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 75 ปี ซึ่งจะทำให้ค่างวดผ่อนชำระแต่ละเดือนต่ำลง ช่วยผ่อนเบาภาระค่าครองชีพที่สูงในปัจจุบันได้ระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ธอส. ได้เข้าร่วมโครงการแก้ไขหนี้ของ ธปท.ในโครงการคุณสู้ เราช่วย ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีคนเข้าลงทะเบียนร่วมโครงการนี้แล้ว 8.09 หมื่นบัญชี ขณะเดียวกัน ธอส.ก็ได้มีโครงการแก้ไขหนี้ที่เป็นโครงการของ ธอส.เอง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าในกลุ่ม SM ไหลไปเป็น NPL และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าที่เป็น NPL แล้ว โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนถึงเดือนพฤษภาคมนี้ จำนวนรวม 3.73 แสนบัญชี
อัตราดอกเบี้ย เงินฝากสูงถึง 1.55% ต่อปี เป็นเงินฝากภายใต้โครงการ ESG Funding ปัจจุบันเต็มกรอบวงเงินแล้ว ธอส. จึงขอปิดรับเปิดบัญชีดังกล่าว ทั้งนี้ลูกค้าทั่วไปและหน่วยงานหรือพนักงานของหน่วยงานที่มีการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ที่เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ESG เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกับ ธอส. โดยธนาคารจะนำเงินฝากที่ได้รับไปต่อยอดปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Loan) เพื่อสนับสนุนให้คนไทยซื้อ ปลูกสร้าง และปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่ช่วยประหยัดพลังงาน