BAM จับมือกลุ่ม ไซมิส บริหาร NPL-NPA ครบวงจร สร้างมูลค่าเพิ่มสินทรัพย์
BAM จับมือ กลุ่ม ไซมิส บริหารจัดการ NPL และ NPA ครบวงจรเพื่อเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินต่อยอดความสำเร็จในกลยุทธ์หลักของ BAM ในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงที่อยู่อาศัยคุณภาพดี
27 มิ.ย. 68 บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) และ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ไซมิส แอนด์ เวลธ์ จำกัด (SWAM) เพื่อร่วมมือทางธุรกิจในด้านบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA)
นางทองอุไร ลิ้มปิติ ประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า การร่วมมือกับกลุ่ม ไซมิส ในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายฐานธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้ง NPL และ NPA อย่างครบวงจร ซึ่งขอบเขตความร่วมมือเบื้องต้น BAM จะทำหน้าที่เป็นผู้คัดสรรและนำเสนอทรัพย์สินรอการขายให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อร่วมกันพัฒนา ซ่อมแซม และเพิ่มมูลค่า ทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม ที่ดิน และอาคารพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อ “พลิกทรัพย์ร้างให้กลายเป็นทรัพย์สร้างกำไร” สร้างรายได้ให้กับ BAM อย่างต่อเนื่อง และช่วยลดต้นทุนการถือครองทรัพย์สิน
นอกจากนั้น ยังประสานความร่วมมือทางด้านการบริหารจัดการ NPL เพื่อให้การลงนามครั้งนี้ เป็นก้าวที่สำคัญของการเสริมสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจด้วยการผนึกกำลังความเป็นมืออาชีพและความเชี่ยวชาญของทั้ง 3 องค์กร เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารBAM กล่าวเพิ่มเติมว่า BAMยังคงเดินหน้าผลักดันกลยุทธ์ Partnership ด้วยการบริหารจัดการ NPL และจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยด้านกลุ่มพันธมิตร ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ซึ่งสืบทอดความเชี่ยวชาญจาก“ฤทธา” บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และไซมิส แอนด์ เวลธ์ ผู้รับซื้อและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เพื่อดำเนินธุรกิจอย่างสร้างสรรค์
โดยพร้อมสนับสนุนBAM ในการเพิ่มมูลค่าทรัพย์และพัฒนาโครงการเพื่อจำหน่าย ให้เช่า และให้บริการธุรกิจโรงแรม และอื่นๆ การลงนามครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ BAMในฐานะผู้นำธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ได้เดินหน้าขยายความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการบริหาร NPL และ NPA อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ปัจจุบัน BAMมีหนี้ด้อยคุณภาพในความดูแลกว่า 91,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 498,000 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขายกว่า 24,000รายการ ราคาประเมินรวมกว่า 74,000 ล้านบาท
นางสุนันทา สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) กล่าวว่า การร่วมมือกับBAM ครั้งนี้ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ SA และ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไซมิส แอนด์ เวลธ์ จำกัด (SWAM) สามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก BAMถือเป็นองค์กรหลักในระบบบริหารจัดการหนี้และทรัพย์สินรอการขายของประเทศ มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 25 ปี และมีจุดแข็งในการเพิ่มมูลค่าทรัพย์ก่อนส่งกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ถือเป็นพันธมิตรที่ช่วยต่อยอดกลยุทธ์ของบริษัทฯ ได้อย่างลงตัว
“บริษัทฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน โดยความร่วมมือครั้งนี้จะต่อยอดขีดความสามารถในการพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งจากทรัพย์หลักประกันและทรัพย์อื่นๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ระยะยาว พร้อมยกระดับประสิทธิภาพในการบริหารทรัพย์สินด้อยคุณภาพทั้ง NPA และ NPL ให้สามารถพลิกฟื้นเป็นทรัพย์สินเชิงพาณิชย์ที่สร้างรายได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างมูลค่าใหม่อย่างยั่งยืน ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อองค์กร ลูกหนี้ และเศรษฐกิจโดยรวม พร้อมนำพาทุกฝ่ายไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคง”
ด้าน นางตุลณยา เองตระกูล กรรมการบริษัท บริหารสินทรัพย์ ไซมิส แอนด์ เวลธ์ จำกัด (SWAM) ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ กล่าวว่า SWAM จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการให้คำปรึกษาและเป็นที่ปรึกษาทางด้านการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ของBAM อาทิเช่น กรณีที่ทรัพย์BAM เข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาด ทาง SWAM จะเข้ามาบริหารจัดการ และ/หรือ จะพิจารณาทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัยและค้าปลีก เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม เพื่อนำมารีโนเวทและจำหน่ายต่อในตลาด เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยระบายทรัพย์ NPA ของBAM อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความร่วมมือในรูปแบบอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“เราเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และความเข้าใจในตลาดสินทรัพย์รอการขาย ร่วมกับBAM และองค์กรชั้นนำทั้งในภาคการเงินและอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้ จะช่วยให้ SWAMสามารถต่อยอดแนวทางการบริหารทรัพย์สินของบริษัทได้อีกมาก ทั้งในด้านการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือครองทรัพย์ รวมถึงเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต”
ทั้งนี้ ความร่วมมือนี้ดังกล่าวยังเป็นการสร้างโอกาสในการตอบโจทย์ Real Demand ในตลาดกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึง โดยเฉพาะทรัพย์สิน NPA และ NPL ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้มีมูลค่าเพิ่มหลังการรีโนเวท ด้วยองค์ความรู้ด้านวิศวกรรม การควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง และประสบการณ์ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำให้สามารถแปลงทรัพย์สินที่ด้อยมูลค่าให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดจริง เป็นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ผ่านการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยการนำทรัพย์สินที่ถูกทิ้งร้างกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และการลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส ทั้งยังมีส่วนช่วยลดการใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็นและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม