เอไอเอส ผนึก “วัน ชีจรรย์” ปั้นแลนด์มาร์กใหม่พัทยา ดัน 5G หนุนเศรษฐกิจอีเวนต์ระดับโลก
ในยุคที่ “การท่องเที่ยว” ไม่สามารถแยกออกจาก “โลกดิจิทัล” ได้อีกต่อไป โครงข่ายสื่อสารจึงกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกของไทยที่มีศักยภาพสูง ทั้งในด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการท่องเที่ยว
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เดินหน้าเสริมแกร่งโครงข่าย 5G ครอบคลุมกว่า 95% ของพื้นที่ภาคตะวันออก พร้อมหนุนการเติบโตของทุกภาคส่วน ด้วยวิสัยทัศน์ "AI for Sustainable Nation" ที่ไม่เพียงสร้างความเร็วในการสื่อสาร แต่กำลังวางรากฐานให้ “ประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน”
วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ เอไอเอส
5G ไม่ใช่แค่สื่อสาร แต่คือโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่
“วันนี้เครือข่าย 5G ของ AIS ครอบคลุมภาคตะวันออกกว่า 95% แล้ว” วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ เอไอเอส กล่าว ซึ่งพื้นที่ในภาคตะวันออกพบว่าเศรษฐกิจส่วนใหญ่มาจากนิคมอุตสาหกรรม 75% แต่ก็เป็นพื้นที่ที่มีการท่องเที่ยว และผลไม้ส่งออกที่เป็นผลไม้เศรษฐกิจของประเทศ ทั้ง ทุเรียน อ้อย มันสำปะหลัง สับปะรด เป็นต้น ซึ่งต้องอาศัยระบบข้อมูลโลจิสติกส์แบบเรียลไทม์ รวมถึง ภาคการเกษตร ในจังหวัดสระแก้วและปราจีนบุรีที่ต้องการระบบติดตามผลผลิตอัจฉริยะ โดยเอไอเอส สามารถให้บริการเครือข่ายและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ไม่ใช่แค่การสื่อสารกับภาคตะวันออกทั้ง 3 เรื่อง คือ นิคมอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และการท่องเที่ยว
สมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน หัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค ภาคตะวันออก เอไอเอส
สมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน หัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค ภาคตะวันออก เอไอเอส กล่าวเสริมว่า ชลบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับสองของประเทศ สร้างรายได้กว่า 3 แสนล้านบาท/ปี โดยรายได้ 15–20% มาจากการจัดบิ๊กอีเวนต์
วัน ชีจรรย์ แลนด์มาร์กบิ๊กอีเวนต์แห่งใหม่แห่งพัทยา
บทบาทของ 5G ของ เอไอเอส อีกหนึ่งบทบาทที่เห็นได้ชัด ในการเปลี่ยน “พื้นที่ท่องเที่ยว” ให้กลายเป็น “พื้นที่เศรษฐกิจใหม่” ล่าสุด คือการทำงานร่วมกับ โครงการ วัน ชีจรรย์ เขาชีจรรย์ ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในพัทยา พัฒนาโดย ตัน ภาสกรนที นักธุรกิจสายสร้างสรรค์ที่เคยปลุกปั้นแบรนด์เครื่องดื่มให้ติดตลาดระดับประเทศ คราวนี้เขาเลือกลงทุนใน “เมืองแห่งประสบการณ์” บนพื้นที่กว่า 160 ไร่ ท่ามกลางธรรมชาติของเขาชีจรรย์ โดยมีเป้าหมายให้ที่นี่กลายเป็น “จุดหมายปลายทางระดับโลกสำหรับงานอีเวนต์ ไลฟ์สไตล์ และธรรมชาติ”
พื้นที่รองรับการจัดงานคอนเสิร์ตระดับโลก
“เราอยากสร้างพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างบดบัง ไม่มีบ้านคน แต่มีครบทั้งเทคโนโลยีและธรรมชาติ เป็นพัทยาพรีเมียม ที่พร้อมให้ทุกคนมาสร้างความทรงจำได้” ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า การลงทุนครั้งนี้มีจำนวน 3,000 ล้านบาท โดยมีไฮไลท์ที่สำคัญ เพื่อหวังเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของพัทยา ที่ไม่ต้องเดินทางไกล สามารถรองรับผู้ร่วมงานทั้งงานคอนเสิร์ต,งานอีเวนต์,งานแต่งงาน,แคมป์ปิ้ง ได้ตั้งแต่ 2,500 คน ไปจนถึง 20,000 คน พร้อมทั้งห้องน้ำที่ใกล้ จำนวนมาก และสะอาดในพื้นที่
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
วัน ชีจรรย์ มีลานกิจกรรมหลักขนาดใหญ่กว่า 250,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น 9 โซนกิจกรรม สำหรับคอนเสิร์ต, วิ่ง, เวิร์กชอป, อีเวนต์ศิลปะ ฯลฯ มีที่จอดรถกว่า 3,500 คัน และสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ห้องพักแบบรีสอร์ทหรู มีทั้งพูลวิลล่า บ้านต้นไม้ บ้านริมน้ำ จำนวน 250 ห้อง (ราคาเริ่มต้นราว 12,000 บาทต่อคืน) มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ที่นอกเหนือจากการดูคอนเสิร์ต นั่นคือ ฟังก์ชันการ “อาบป่า”, เดินเทรล, ออนเซ็น และสวนน้ำตื้น รวมถึงมีกิจกรรมพายเรือดูหิ่งห้อย ซึ่งเขาได้จับมือกับมหาวิทยาลัยในการเพาะและสร้างระบบนิเวศน์ ให้ “หิ่งห้อย” อยู่ในพื้นที่อย่างถาวร ด้วยงบกว่า 1 ล้านบาท เพื่อสร้างจุดขายให้กับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ
วันชีจรรย์ กับเทคโนโลยีของเอไอเอส
“ที่สำคัญวัน ชีจรรย์ ต้องมีระบบเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบสแกนใบหน้า และ ริสแบนด์ดิจิทัล สำหรับการเข้าออกพื้นที่ ระบบเน็ตเวิร์กต้องรองรับการใช้งานจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้”
เอไอเอส จึงเข้ามาร่วมมือกับโครงการตั้งแต่ระยะแรก ด้วยการวางระบบโครงข่าย 5G และดิจิทัลโซลูชันแบบเบ็ดเสร็จ ด้วยแนวคิด “เครือข่ายต้องแข็งแกร่ง” เพื่อการติดต่อสื่อสารได้ในทุกที่ เพื่อให้พร้อมรองรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวททั้ง “แชร์ก่อนชม” และ “ไลฟ์สดได้ทุกจุด” โดยเฉพาะในงานที่ต้องการการเชื่อมต่อพร้อมกันหลายหมื่นดีไวซ์แบบไม่มีสะดุด
“เราตั้งเสาเพิ่ม ตั้งแต่ระหว่างก่อสร้าง เพื่อให้สัญญาณพร้อมกับพื้นที่ ใช้งานได้จริงทั้งวันธรรมดาและวันจัดงานใหญ่” วสิษฐ์ กล่าว
เอไอเอส มองว่า การที่ภาคตะวันออกกลายเป็นจุดหมายของ “Festival Economy” จำเป็นต้องมีโครงข่ายที่พร้อมรองรับการใช้งานสำหรับทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น คอนเสิร์ตระดับโลก งานแต่งงานหรู หรือกิจกรรมเดินป่าแนวอีโค่ ดังนั้นจุดไหนที่มีการงานจัดงานประจำ เอไอเอส จะลงทุนตั้งโครงข่ายถาวร เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ราบรื่น นำไปสู่การยกระดับมาตรฐานงานอีเวนต์และอุตสาหกรรมความบันเทิงของไทยให้เทียบเท่าสากล และส่งเสริมให้เมืองรองสามารถดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวคุณภาพได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้น การที่ เอไอเอส เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ วัน ชีจรรย์ ไม่ใช่แค่การติดตั้งเสาสัญญาณ แต่คือการ ร่วมวางรากฐานเมืองใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและธรรมชาติ พร้อมผลักดันภาคการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกให้เป็นมากกว่าแค่ “ทะเลใกล้กรุง”
เพราะในวันที่การท่องเที่ยวแข่งขันกันที่ประสบการณ์ เครือข่าย 5G คือสิ่งที่แยกมือสมัครเล่นกับมืออาชีพออกจากกัน และ เอไอเอส กำลังสร้างเครือข่ายนั้นให้เกิดขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน