โฆษก กต. เผย ไทยร่อนหนังสือถึง 2 หน่วยงานสหประชาชาติ หวังให้กัมพูชายุติการใช้กำลัง
โฆษก กต. เผย ไทยร่อนหนังสือถึง 2 หน่วยงานสหประชาชาติ หวังให้กัมพูชายุติการใช้กำลัง พร้อมประณาม หลังกัมพูชาเผยแพร่ข่าวบิดเบือน - ใช้ ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ยัน ทุกก้าวของไทยอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และความรับผิดชอบ
วันที่ 27 ก.ค. 2568 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าว กรณีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
นายนิกรเดช กล่าว่า กรณีข้อเสนอหยุดยิง ตามที่หลายคนทราบว่าเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกฯ ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โดนัลล์ ทรัมป์ โดยฝ่ายไทยได้ยืนยันอย่างหนักแน่นถึงจุดยืนของไทยในการแก้ไขปัญหาชายแดนกับกัมพูชาด้วยสันติวิธี โดยเฉพาะผ่านการเจรจาทวิภาคี ซึ่งฝ่ายไทยก็ได้ย้ำโดยตลอดในทุกโอกาส ฝ่ายไทยจึงคาดหวังจะเห็นความตั้งใจจริงจากฝ่ายกัมพูชาในการยุติการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมาย หากฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในการแก้ไขปัญหา ฝ่ายไทยก็พร้อมที่จะหารือเพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการและกรบวนการที่ชัดเจนสำหรับการหยุดยิง ตลอดจนยุติการปะทะกันอย่างสันติและอย่างยั่งยืน
ส่วนกรณีการโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยกองกำลังำมพูชาในแผ่นดินไทยนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีในหลายจุดตามแนวชายแดนของไทยอีกครั้งหนึ่ง และยังคงดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นแล้วว่าฝ่ายกัมพูขาดความจริงใจในการยุติการใช้กำลัง ไม่มีความสอดคล้องระหว่างคำพูดกับการกระทำ หรือพูดอีกอย่างว่า "พูดอย่างทำอย่าง" และที่สำคัญยังคงละเลยหลักการพื้นฐานของมนุษยธรรมโดยการโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมาย นั่นคือ การโจมตีไปที่เป้าหมายพลเรือน สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับประเทศใดและในฐานะประเทศที่มีความรับผิดชอบอย่างแท้จริงต่อประชาคมระหว่างประเทศ ไทยเองก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของกัมพูชา โดยตัวอย่างเหตุการณ์โจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมายที่สะท้อนต่อการเพิกเฉยหารเห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ของฝ่ายกัมพูชา เช่น การที่กองกำลังของกัมพูชาตั้งฐานยิงอยู่ในบริเวณโรงเรียน วัด บ้านเรือนประชาชน เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้จากฝ่ายไทย ถือเป็นการใช้โล่มนุษย์อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการโจมตีใส่โรงพยาบาลสนามของไทย รวมทั้งสถานพยาบาลอื่นๆ ส่งผลต่อการดูแลผู้บาดเจ็บทั้งทหาร และพลเรือนของฝ่ายไทย ตนขอย้ำว่าการกระทำของกองทัพกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมาไม่เป็นเพียงการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยเท่านั้น แต่ยังถืแอเป็นการละเมิอดอย่างร้ายแรงต่อกฎหมายระหว่างประเทศ อาทิ กฎบัตรสหปรระชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยทั้ง 2 เหตุการณ์ข้างต้นฝ่ายความมั่นคงของไทยมีหลักฐานชัดเจน ดังนั้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกแถงการณ์กรณีกัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงยิงเข้าใส่บ้านเรือนประชาชน ในดินแดนไทยที่จังหวัดสุรินทร์ ทั้งยังมีการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนและข้อมูลเท็จโดยกล่าวหาว่าฝ่ายไทยเป้นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน
สำหรับแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว ระบุว่า
1. ประเทศไทยขอประณามการกระทำอันร้ายแรงและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรุนแรงที่สสุด และขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการโจมตีเป้าหมายพลเรือนในทันที การยุติการสู้รบไม่อาจเกิดขึ้นได้ตราบใดที่กัมพูชายังขาดความสุจริตใจอย่างร้ายแรง และละเมิดสิทธิมนุษยชน และหลกการพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง ประทเศไทยขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามที่บัญญัติไว้ในข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และได้ดำเนินการตอบโต้ในลักษณะที่จำกัดเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เพื่อขจัดภัยคุกคามตออธิปไตยแะบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย
2. ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและเลวร้ายเหล่านี้ของกัมพูชา ซึ่งไม่อาจยอมรับได้ในระเบียบโลกที่ยึดถือกติกาและหลักนิติธรรม
นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า วันนี้ 27 ก.ค. 2568 รมว.การต่างประเทศ ได้ส่งหนังสือถึงหน่วยงานสหประชาชาติอีก 2 ฉบับ ได้แก่ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ และข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแจ้งกรณีการโจมตีตามแนวชายแดนที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้น ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา ซึ่งการโจมตีอย่างรุนแรงไม่เลือกเป้าหมายและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนี้ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก อีกทั้งการอพยพออกจากพื้นที่ยังส่งผลให้ประชาชนต้องออกจากบ้านเรือน คนเจ็บป่วยไม่สามารถรับการรักษาพยาบาล อีกทั้งการปิดโรงเรียนกสร้างความเสียหายต่อเด็กในระยะยาว ซึ่งขัดต่อพันธะกรณีระหว่างประเทศของกัมพูชา โดยเฉพาะด้านสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยะรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะต่อสตรี เด็ก และผู้พิการ
สำหรับข้อเรียกร้องที่ส่งถึงองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ เพื่อเรียกร้องให้กัมพูชายุติการใช้กำลังที่ทำให้สูญเสียชีวิตและทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง และเปราะบางโดยทันที ส่วนฉบับที่สองที่สงถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเพื่อแจ้งการละเมิดสัญญาต่างๆ ด้านมนุษยชน โดยขอให้พิจารณาใช้อำนาจเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำดังกล่าว
ส่วนกรณีการบิดเบือนข่าวอย่างเป็นกระบวนการของกัมพูชา ขณะที่ตนแถลงข่าวอยู่นี้ ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธร้ายแรงโจมตีไทยในหลายพื้นที่ในจังหวัดชายแดนไทย ในขณะที่นำเสนอว่าตนเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมโลก แต่กลับดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ และข้อมูลบิดเบือนว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่เพียงเพื่อเป็นการปกปิดข้อเท็จจริง แต่ยังมุ่งหวังบ่อนทำลายเสถียรภาพความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ อีกตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำเสนอข่าวปลอมของฝ่ายกัมพูชา คือ ข้อกล่าวหาว่ากองทัพไทยได้รุกรานและสร้างความเสียหายให้ตัวปราสาทพระวิหาร โดยตนขอเรียนข้อเท็จจริงอีกครั้งว่าเรื่องนี้เป็นการกล่าวหาไร้หลักฐานและเป็นข้อมูลปลอมแปลงที่สร้างขึ้นเอง ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง นอกจากที่เคยแถลงไปแล้วว่าการปะทะกันระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพกัมพูชาในวันที่ 24 ก.ค. ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน บริเวณห้วยตามะเรีย และภูมะเขือนั้น พื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากปราสาทพระวิหารถึง 2 กม. ซึ่งป็นไปไม่ได้ที่จะมีกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดไปตกถึงตัวปราสาท ซึ่งฝ่ายไทยได้มีหนังสือชี้แจงยูเนสโกไปแล้ว ทั้งนี้ฝ่ายกัมพูชายังได้เผนแพร่ภาพประกอบที่ไม่สามารถระบุวัน เวลาที่เกิดขึ้นได้ โดยผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่าเป็นการนำรูปภาพเก่าที่ปรากฎรอยกระสุนที่มีมานานแล้วมานำเสนอ ตนขอย้ำว่าความไม่สุจริตของกัมพูชาสามารถเห็นได้จากการปล่อยข่าวที่เป็นเท็จ การปลอมแปลงข้อมูล และนอกจากยุทธวิธีการใช้สถานที่พลเรือนป็นโล่กำบังแล้ว ยังรวมถึงการตั้งใจใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบังพื่อโจมตีฝ่ายไทยด้วย ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษประเทศไทยได้พิสูจน์ให้ประชาคมระหว่างประเทศเห็นมาโดยตลอดว่าการดำเนินนโยบายและการปฏิบัติของไมยนั้น ทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลกล้สนยึดมั่นในหลักสากล และในกรณีนี้ก็เช่นกัน การที่ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตอบโต้กัมพูชาถือเป็นสิทธิที่ชอบธรรมของประเทศทยภายใต้กฎบัตรระหว่างประเทศ ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ โดยเฉพาะสิทธิในการป้องกันตนเองจากการรุนรานของกัมพูชา การตอบโต้ของไทยเป็นไปอย่างมีสัดส่วน และอยู่จำกัดเฉพาะการโจมตีทางทหารที่จำเป็นเท่านั้น
"ทุกก้าวของไทยในการรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกที่มีความรับผิดชอบในเวทีโลก ในชาวงเวลาของสถานการณ์ที่มีความละเอียดอ่อน ขอให้ประชาชนระมัดระมังในการสื่อสารและรับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ที่อาจนำไปสู่การเข้าใจผิดหรือสร้างความแตกแยกได้โดยไม่ได้ตั้งใจ สุดท้ายนี้ตนขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการดำเนินการของรัฐบาล โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศทุกสถานเอกอัคราชทูต และสถานกงสุณใหญ่ได้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประเทศและองการระหว่างประเทศอย่างตอ่เนื่อง