สหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้ไทย 19% รายใหญ่แข่งขันได้แต่เอสเอ็มอี 2 ล้านรายอ่วม
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงอัตราภาษีตอบโต้ของไทย ที่สหรัฐฯ กำหนด 19% ว่า จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยแน่นอน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายสินค้า และจะมีการวิเคราะห์ผลกระทบเชิงลึกต่อไป แต่ยังถือเป็นข่าวดี เพราะเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับภูมิภาคเดียวกัน ทำให้ไทยยังแข่งขันได้ในตลาดสหรัฐฯ ทั้งนี้ เตรียมจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาแบบครบวงจร ที่ศูนย์ส่งออกสินค้ารัชดา เพื่อให้คำแนะนำ ปรึกษาผู้ประกอบการในการปรับตัว
“จะเร่งหาตลาดใหม่ และเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีกับคู่ค้าอื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าเพิ่มเติม ส่วนการส่งออกปีนี้คาดโตตามเป้า 2-3% เพราะช่วงครึ่งแรก เร่งส่งออกไปมาก”
ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อจัดหามาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม ผู้ผลิต และผู้ส่งออก รวมถึงแหล่งเงินที่จะต้องนำใช้ อย่างไรก็ตาม ไทยต้องปรับตัวเอง ปฏิรูประบบราชการ เอื้อต่อการลงทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งเตรียมพร้อมรับมือคุณภาพและมาตรฐานสินค้า ป้องกันไม่ให้เกิดอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ เช่นเดียวกับการป้องกันการสวมสิทธิ์ด้วย
ส่วนนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ภาษี 19% ส่งผลบวกต่อการลงทุน เพราะทำให้ไทยแข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค โดยนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายจำนวนมากให้ความเชื่อมั่นและพร้อมเดินหน้าลงทุนในไทย เพราะไทยสามารถตอบโจทย์การลงทุนท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ และมีศักยภาพในการสร้างห่วงโซ่การผลิตสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ขณะที่นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยกำลังเตรียมข้อเสนอที่ชัดเจนหลังทราบอัตราภาษีของไทยและประเทศต่างๆ ให้รัฐบาล ที่จำเป็นต้องมีมาตรการรองรับ เยียวยา และส่งเสริมศักยภาพ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการปรับตัว และแข่งขันได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนควรทำงานร่วมกันเพื่อออกแบบการนำเข้าสินค้าเพิ่มเติม และการลงทุน เพื่อให้กระทบห่วงโซ่การผลิตในประเทศน้อยที่สุด
ส่วนเรื่อง Transshipment หรือการส่งต่อสินค้าผ่านประเทศที่สามก่อนส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งอาจถูกตีความว่าเป็นการหลบเลี่ยงภาษีของสหรัฐฯ และมาตรการ local content (การใช้วัตถุดิบในไทย) รวมถึงการใช้วัตถุดิบจากต่างประเทศมาผลิตเป็นสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ (Regional Value Content) ซึ่งสินค้าเหล่านี้อาจถูกสหรัฐฯ เก็บภาษี 40% นั้น รัฐบาลควรเร่งสร้างความชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกติกาและแข่งขันได้
“จำเป็นต้องจัดตั้งคณะทำงานพิเศษ ของภาครัฐ ที่มีทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมองภาพรวมและแก้ปัญหาการค้าที่ซับซ้อนอย่างเป็นระบบ”
ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) กล่าวว่า ภาษี 19% เป็นแต้มต่อให้ไทยแข่งขันและรักษาฐานลูกค้าในตลาดโลกได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะกับเวียดนาม ที่มีสินค้าส่งออกคล้ายกับไทย แต่ราคาต่ำกว่า “
ประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจคือ ภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นนี้ จะทำให้ผู้บริโภคสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบนับจากนี้ ซึ่งจะลดทอนการจับจ่ายใช้สอย และการนำเข้า ในที่สุดจะกระทบต่อการส่งออกไทย อย่างไรก็ตาม จากนี้ไป ต้องไปดูเงื่อนไขที่ไทยเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เป็น 0% ด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไทยจนกลายเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจได้”
นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย กล่าวว่า เอสเอ็มไทยกว่า 2 ล้านราย ที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบจากภาษี 19% แน่นอน เพราะส่วนใหญ่ขายสินค้าผ่านออนไลน์ เช่น eBay, Amazon ฯลฯ โดยไม่เสียภาษีนำเข้า เพราะส่งออกจำนวนน้อยชิ้น ซึ่งเป็นสินค้าแทบทุกประเภท เช่น เสื้อผ้าแม่และเด็ก ผลิตภัณฑ์อโรมาและสปา ฯลฯ ส่วนบางราย ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามา สหรัฐฯ ก็เก็บภาษีต่ำ หรือบางสินค้าไม่เสียภาษี แต่พอถูกเก็บ 19% อาจสูญเสียความสามารถแข่งขัน เพราะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องจ่ายภาษีนำเข้าสินค้าราคาต่ำ (เดอ มินิมิส) ที่สหรัฐฯ เก็บกับสินค้าซื้อขายผ่านออนไลน์มูลค่าต่ำ
นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) กล่าวว่า ภาษี 19% แม้ต่ำกว่า 36% แต่ก็ถือว่ายังสูงกว่าระดับเดิมที่ไทยเคยเสียภาษีเฉลี่ยเพียง 2% หรือปรับเพิ่มขึ้นมาเกือบ 10 เท่าจากเดิมที่แทบไม่เสียภาษีเลย หมายความว่าผู้ประกอบการไทยจะเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจกระทบยอดส่งออกในระยะถัดไป
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย หรือ KResearch ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภาษีที่ลดจาก 36% เหลือ 19% ทำให้ศูนย์ฯ ปรับมุมมองการส่งออกไทยครึ่งหลังปี 68 ดีขึ้นกว่าเดิม โดยจะขยายตัวลดลง 7.4% และทั้งปีจะเพิ่มขึ้น 3.4% นอกจากนี้ ยังปรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 68 เป็นขยายตัว 1.5% จากเดิม 1.4%
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้ไทย 19% รายใหญ่แข่งขันได้แต่เอสเอ็มอี 2 ล้านรายอ่วม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “จตุพร” โดดเคลียร์ “สระแก้ว”
- สหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้ไทย 19% รายใหญ่แข่งขันได้แต่เอสเอ็มอี 2 ล้านรายอ่วม
- Thai SELECT NIGHT ยกระดับอาหารไทยสู่สากล
- เล็งขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอไทยในจีน
- “จตุพร” สั่งด่วน พาณิชย์จังหวัดชายแดนดูแลราคาสินค้า กำชับห้ามขาดห้ามแพง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath