พลังแผ่นดินนัดใหญ่!! 27 ก.ค. เก้าโมงเช้า รวมพลอนุสาวรีย์ชัยฯ ปกป้องอธิปไตย-ไล่รัฐบาล
นัด 27 ก.ค. เก้าโมงเช้า สำแดงพลังแผ่นดินอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประกาศศักดิ์ศรี "ไทยรักสงบ ถึงรบไม่ขลาด" ลั่นไล่ รบ.ก่อปัญหาสองตระกูลจนลุกลามเกิดสงครามทำประเทศเสียหาย ปชช.ตาย เย้ยน้ำตานายกฯ ไม่ได้ช่วยอะไร แต่ควรรับผิดชอบเสียสละลาออก
วันที่ 25 ก.ค.68 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อนว่า คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ประชุมประเมินสถานการณ์ความตรึงเครียดสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา มีมติชุมนุมแสดงพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยและไล่รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เริ่มตั้งแต่ 09.00 น. ถึง 21.00 น.
"ภารกิจนี้เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่รักชาติบ้านเมือง หลายประเทศเมื่อเกิดสงครามประชาชนก็รวมตัวกันแสดงพลังนับแสนคน ดังนั้น การแสดงพลังแผ่นดินของคนไทยจึงไม่น่าเมินเฉย เพราะมีประชาชนตายจากสงครามครั้งนี้แล้ว"
อีกทั้งกล่าวว่า คณะรวมพลังแผ่นดินจัดการชุมนุมยังยึดหลักไม่มีแกนนำตามเดิม โดยครั้งนี้มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินไม่สะดวกมาร่วมกิจกรรมด้วยเพราะเวลากระชันชิดเกินไปจึงเตรียมตัวไม่ทัน
ดังนั้น การบริจาคสนับสนุนจัดกิจกรรมจึงเปลี่ยนมาใช้บัญชีชื่อ พวงทิพย์ บุญสนอง หมายเลข 924-7-85309-7 ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) ซึ่งเงินส่วนที่เหลือจากการจัดชุมนุมนำไปจัดกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงครามไทย-กัมพูชา
นายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมรวมพลังแผ่นดินครั้งนี้ต้องการแสดงให้กัมพูชาได้เห็นว่า คนไทยรักสงบ ถึงรบเราไม่ขลาด มีประชาชนเป็นแนวหลัง ทหารอยู่แนวหน้า และหวังว่า พี่น้องประชาชนจะถือธงชาติจากบ้านมาร่วมชุมนุมแสดงพลังกันอย่างพร้อมพรัก
"หวังว่า พี่น้องจะร่วมแรงสื่อสารผ่านโซเชียลและกระจายข่าวกันอย่างหนาแน่นอีกครั้ง สิ่งสำคัญขอให้เลิกคิดว่าเป็นการชุมนุมเรียกร้องรัฐประหาร เพราะไม่เกี่ยวกัน แต่เป็นการปกป้องอธิปไตย ให้กำลังใจ แสดงความห่วงใยทหาร ประชาชน และครอบครัวผู้เสียชีวิต"
ส่วนนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ให้สัมภาษณ์น้ำตาคลอ ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีแถลงการณ์ให้รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ความตรึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชามาจากการสนทนาทางโทรศัพท์ของนายกฯอุ๊งอิ๊งกับสมเด็จฮุนเซน และยังด้อยค่าแม่ทัพภาค 2 ทั้งสิ้น
เมื่อชายแดนเกิดการสู้รบรุนแรงขึ้น นักการเมืองกลับคิดแต่ประโยชน์อันพึงจะได้ของตัวเอง ไม่ได้คิดช่วยชาติบ้านเมือง ดังนั้น เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จึงพิสูจน์ว่า เป็นนักการเมืองประเภทไหนกัน เพราะสองตระกูลทะเลาะพิพาทกันกลับทำให้ประเทศเสียหายและประชาชนเดือดร้อน
"นักการเมืองจะมีความเชื่ออย่างไร ให้วางลงก่อน เพราะวันนี้เป็นวาระของชาติต้องสำแดงพลังเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อเรามีรัฐบาลอยู่ภายใต้คลิปข่มขู่ของสองตระกูลจนลุกลามเป็นสงครามของสองประเทศไปแล้ว ซึ่งไม่รู้จะยุติกันวันไหน"
พร้อมทั้งกล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รักษาการนายกฯ และรมว.มหาดไทย บอกชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นแค่การปะทะกัน ไม่ใช่สงคราม การพูดเช่นนี้เมื่อช่วยเหลืออะไรประเทศไม่ได้ก็ควรกลับบ้านไปนอนเกาพุง ดึงสะดือเล่นจะดีกว่ามายืนขวางและพูดให้คนเหม็นน้ำลาย เบื่อขี้หน้า
"ไทย-กัมพูชา ปะทะสู้รบกันนั้น สะท้อนถึงศักยภาพรัฐบาลไม่มีน้ำยา จึงมีคนกล้ามายุ่งด้วย และการกระทบกันไปมานั้น ท้ายที่สุดก็เดินมาถึงการปะทะกัน ทหารสู้รบตามชายแดน และทำให้ประชาชนเสียชีวิตจนได้"
นายจตุพร ไม่เห็นด้วยกับนายกฯ อุ๊งอิ๊งร่ำไห้ขณะสัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพราะหลักคิดการปรับ ครม.แล้วที่เฮงซวยคือ ไม่แต่งตั้ง รมว.กลาโหม จนท้ายที่สุดได้สร้างความเสียหายกับบ้านเมืองอย่างมโหฬาร
"ถ้าน้ำตาของนายกฯ อาจทำให้คนไทยใจอ่อนได้บ้าง แต่ถ้าน้ำตามากับความรับผิดชอบกับต้นเหตุของตัวเอง และทั้งๆที่รู้ศักยภาพของตัวเองด้วย ทำไมไม่เสียสละให้กับชาติบ้านเมืองบ้าง"
พร้อมทั้งเชื่อว่า สงครามไทย-กัมพูชายุติลงได้ ถ้าไม่มีผู้ปกครองที่มีข้อพิพาทส่วนตัว ซึ่งจะเป็นใครก็ได้หากมีวุฒิภาวะเป็นผู้นำ ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างต่างชาติ และอยู่ภายใต้ รธน. เคร่งครัด กฎหมายว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แต่อย่าได้เอาคนที่ตกอยู่ใต้อาณัติของต่างชาติ ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อมมาเป็นผู้นำ เพราะปัญหาบ้านเมืองจะไม่มีวันจบสิ้น