รู้หรือไม่? “จุดสูงสุดใหม่”...อาจ “ไม่ใช่สัญญาณอันตราย” อย่างที่คิด !!!
Where2put Ur Money: ช่วงนี้เพื่อนๆ นักลงทุนหลายคนคงได้เห็นข่าว “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” กลับมาทำ “New High” อีกครั้ง กราฟขึ้นเอาๆ จนหลายคนแอบรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ เริ่มลังเลว่า “จะเข้าตอนนี้เลยดีไหม หรือรอให้ย่อลงก่อน?” “เข้าไปแล้วจะดอยเลยไหม”ไทรมองว่าความรู้สึกแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่สุดของนักลงทุนเลยค่ะ
เพราะไม่ว่าเราจะลงทุน อยู่กับตลาดมานานแค่ไหน แต่เวลาตลาดทำจุดสูงสุดใหม่ เราก็มักรู้สึกระแวงนิด ๆ ว่า “รอบนี้จะไปต่อ หรือจะจบรอบแล้วกันแน่ ?” ในวันนี้ไทรอยากชวนทุกคนมามองอีกมุมหนึ่ง มาดูกันว่า….การลงทุนในช่วงที่ตลาดดูจะแพงที่สุดแบบนี้ จริงๆ แล้วอาจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และบางที…อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีด้วยซ้ำ
“จุดสูงสุดใหม่”…อาจไม่ใช่สัญญาณอันตรายอย่างที่คิด
หลายคนมักรู้สึกไม่มั่นใจเวลาตลาดทำ “จุดสูงสุดใหม่” เพราะคิดว่า “ตลาดจะเริ่มเจอแรงขายทำกำไร และจะเริ่มปรับตัวลง” แต่พอไทรลองไปดูข้อมูลจริงๆ กลับพบว่า ความเชื่อนี้อาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเท่าไหร่ค่ะ เพราะจากข้อมูลของ “Standard & Poor’s” และ “FactSet” ที่ศึกษาตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย้อนหลังตั้งแต่ปี 1950 พบว่า:
หากเราลงทุนในวันที่ “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” (S&P 500) ทำ “New High”
ผลตอบแทนเฉลี่ยในอีก 1 ปี ข้างหน้าจะ +9.4%
ผลตอบแทนเฉลี่ยในอีก 3 ปี ข้างหน้าจะ +29.1%
และผลตอบแทนเฉลี่ยในอีก 5 ปี ข้างหน้าจะสูงถึง +50.3%
“ในขณะที่ ถ้าเราลงทุนใน วันธรรมดาทั่วไป วันไหนก็ได้ที่ ‘ไม่ใช่ New High’ จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1ปี, 3ปีและ 5ปี ที่ 8.7%, 28.7%และ 51.3%ตามลำดับ”
จะเห็นได้ว่า…ผลตอบแทนแทบไม่ต่างกันเลยค่ะ แถมในบางช่วงเวลา การซื้อในวันที่ตลาดทำ “จุดสูงสุด” กลับได้ผลตอบแทนดีกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า “ตลาด New High” อาจจะเป็นช่วงที่เราควร “กล้า” มากกว่า “กลัว”
แล้วทำไมการลงทุนตอน “New High” ถึงมักให้ผลตอบแทนดี?
เพราะในความเป็นจริง การที่ตลาดหุ้นสามารถทำ “New High” ได้ในทุกครั้ง ไม่ใช่เพราะ “อยู่ๆ ก็แพงขึ้นเฉยๆ” แต่เป็นเพราะ “พื้นฐานของตลาดที่ดีขึ้น” จนราคาต้องวิ่งตาม เช่น บริษัทจดทะเบียนรายงานกำไรโตต่อเนื่อง นโยบายการเงินเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เศรษฐกิจฟื้นตัวแข็งแกร่ง สภาพคล่องเริ่มกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง หรือ ปัจจัยที่กดดันตลาดต่างๆ เริ่มจางหายไป เมื่อภาพรวมทั้งหมดเอื้อต่อการลงทุน นักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันก็จะเริ่ม "กลับมาเพิ่มน้ำหนัก" หุ้นอีกครั้ง และนั่นแหละค่ะ…คือช่วงเวลาที่ตลาดจะทำ “New High”
เราอาจจะได้เห็นการทำ “New High” อีกหลายครั้งในปี 2025 ?
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025 ระบุว่า “S&P 500” เพิ่งทำ “New High” ไปเพียง 4 ครั้งเท่านั้นในปีนี้
ซึ่งถือว่ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้นในอดีต เช่น:
ปี2021: S&P500 ทำ New High ไปถึง 70 ครั้ง
ปี2017: S&P500 ทำ New High ไป 62 ครั้ง
ปี2014 และ 2024: S&P500ทำ New Highไป 57 ครั้ง
ปี2013: S&P500 ทำ New High ไป 45 ครั้ง
“โดยค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 12 ปี (2013–2024) ‘S&P 500’ ทำ ‘New High’ เฉลี่ยปีละ 33 ครั้ง เมื่อเทียบกับจำนวนเพียง 4 ครั้งในปีนี้ ไทรมองว่า… ปี 2025 อาจยังอยู่ในช่วงต้นของรอบขาขึ้น มากกว่าจะเป็น ‘จุดสูงสุด’ของวัฏจักร”
และถ้าถามว่า แล้ว “ช่วงเวลาไหนของปี” ที่มักสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนได้มากที่สุด?หนึ่งในเดือนที่มีสถิติหนุนแรงที่สุดทุกปี ก็คือ… “เดือนกรกฎาคม”ค่ะ
ไทรอยากชวนทุกคนดูอีกปัจจัยที่มักถูกมองข้าม… ก็คือ “ฤดูกาลของตลาด” หรือ “Seasonality”
โดยจากสถิติย้อนหลัง 10 ปี ดัชนี “S&P500”ในเดือนกรกฎาคมให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 3.3% และ สามารถทำผลตอบแทนเป็นบวกได้ 9 จาก 10 ปีหลังสุด
ด้านดัชนี “Nasdaq” เองก็ปรับตัวขึ้นเป็นบวกได้ 9 จาก 10 ปีหลังสุดเช่นกัน และ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 4.4% โดยเฉพาะในปี 2023 ที่ บวกแรงถึง 8.5%
หนึ่งในเหตุผลสำคัญ คือ นักลงทุนมักเริ่มต้นปีด้วยความกังวลว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวจากปีก่อน จากดัชนีชี้นำภาคธุรกิจที่เริ่มอ่อนแอลง หรือความกดดันต่างๆ ที่มักถาโถมในช่วงไตรมาสแรก แต่พอเข้าสู่ “ฤดูกาลประกาศงบไตรมาส 2” ช่วงเดือนกรกฎาคม ข้อมูลจริงที่ออกมากลับมัก “แข็งแกร่งเกินคาด” โดยเฉพาะตัวเลขกำไรของบริษัทจดทะเบียน ที่ช่วยสะท้อนเศรษฐกิจจริงดีกว่าแบบสำรวจทางเศรษฐกิจต่างๆ
“เมื่อภาพเริ่มชัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงอย่างที่นักลงทุนกังวล นักวิเคราะห์จึงมักจะมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจขึ้น และ ปรับราคาเป้าหมายของตลาดให้สูงขึ้น แรงซื้อจึงมักไหลกลับเข้าตลาดหุ้นอย่างรวดเร็วในเดือนนี้”
แล้วเดือนถัดไปล่ะ?
แม้ “กรกฎาคม” จะขึ้นชื่อว่าเป็นเดือนทองของตลาดหุ้น แต่ถ้าจะวางแผนลงทุนให้รอบคอบ ไทรอยากชวนให้ดูไปถึง “สิงหาคม–กันยายน” ด้วยค่ะ
เดือนสิงหาคม: ตลาดมักจะค่อนข้างผันผวน เนื่องจากในหลายๆ ปีมักเกิดแรงขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดปรับตัวขึ้นมาแรงในเดือนก่อนหน้า
เดือนกันยายน: เป็นเดือนที่ “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” มีโอกาสติดลบสูงที่สุดของปี เฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง ติดลบถึง 1.9%
ดังนั้น ถ้าคิดจะลงทุนในช่วงนี้ การทยอยซื้อใน ก.ค. และ เผื่อเงินสดไว้บางส่วน สำหรับจังหวะที่ตลาดอาจพักตัวในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ก็เป็นแนวทางที่ดีไม่น้อยเลยค่ะ
ถ้ากลัวเข้าไปแล้ว “ตลาดจะย่อ”… ควรทำยังไงดี?
ถ้ายังไม่มั่นใจว่าควรลงทุนด้วยเงินลงทุนก้อนใหญ่ในตอนนี้เลยดีไหม ไทรมีแนวทางเบื้องต้นมาแบ่งปันเป็นไอเดียง่าย ๆ ค่ะ:
ทยอยลงทุน (DCA) : เพื่อลดโอกาส “เข้าผิดจังหวะ”
แบ่งเงินออกเป็น 2–3 ก้อน: ลงทุนตอนนี้บางส่วน อีกส่วนเผื่อไว้ช่วงตลาดย่อตัวลง
เลือกกองทุนที่กระจายความเสี่ยงได้ดี: เช่น Global Equity, Multi-Asset หรือ Thematic Fund ที่สามารถปรับพอร์ตตามสถานการณ์
เดือน “กรกฎาคม” อาจเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าทยอยลงทุน ด้วยแรงหนุนจากหลายปัจจัยทั้งเศรษฐกิจและโมเมนตัมของตลาด แต่ก็อย่าลืมว่า การลงทุนที่ดีต้องเริ่มจากความเข้าใจในความเสี่ยงของตัวเอง ค่อยๆ วางแผน และเลือกสินทรัพย์การลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายของเรานะคะ