กูรูไต้หวัน เตือน! 5 เมนูปลา กินแบบผิดๆ เสี่ยงสารพิษตกค้าง-พยาธิเพียบ
นักโภชนาการชาวไต้หวัน เตือน 5 เมนูปลา กินแบบผิด ๆ เสี่ยงสารพิษตกค้าง-พยาธิเพียบ แนะวิธีกินให้ปลอดภัย ได้ประโยชน์เต็ม ๆ
ชอบกินปลาหรือเปล่า? หลายคนมักเลือกเมนูปลามาเติมเต็มมื้ออาหารในชีวิตประจำวัน เพราะปลาไม่เพียงให้โปรตีนคุณภาพดี แต่ยังอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด
อย่างไรก็ตาม นักโภชนาการ จาง อวี้ซี ชาวไต้หวัน เตือนว่า แม้ปลาอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ แต่การ "กินให้ถูกวิธี" ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากไม่ระวัง อาจเผลอรับสารโลหะหนัก สารพิษ หรือแม้แต่พยาธิเข้าร่างกายโดยไม่รู้ตัว
จาง อวี้ซี อธิบายว่า “หนังปลา” มีคอลลาเจนและไขมันดีที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณและหลอดเลือด แต่ในขณะเดียวกัน หนังปลาก็เป็นส่วนที่มีแนวโน้มสะสมโลหะหนักมากที่สุด โดยเฉพาะในปลาทะเลขนาดใหญ่ จึงควรเลือกบริโภคอย่างระมัดระวัง
ส่วน“หัวปลา” ที่มักใช้ในเมนูนึ่งหรือต้มซุปนั้น แม้จะอุดมด้วย DHA, EPA และสารเจลาติน แต่เธอเตือนว่า“บริเวณเหงือกปลา” มักเป็นแหล่งสะสมของสารพิษและพยาธิ จึงควรล้างทำความสะอาดอย่างดีในการปรุงอาหาร
สำหรับ“เครื่องในปลา” ถือเป็นจุดที่มีการสะสมของสารพิษและโลหะหนักมากที่สุด อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างจำกัด เธอแนะนำว่าโดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องกิน และผู้ที่มีปัญหาทางเดินอาหารควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด
5 เมนูปลาที่ควรระวังในการบริโภค
เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในการกินปลาอย่างปลอดภัย จาง อวี้ซี ได้ชี้ให้เห็นถึง 5 เมนูปลา ที่ควรระวังในการบริโภค โดยเน้นว่า ไม่จำเป็นต้องงดโดยสิ้นเชิง แต่ควรเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
1. ปลาขนาดใหญ่
เช่น ปลาธง, ปลาทูน่า, ปลาฉลาม เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งสูงของห่วงโซ่อาหาร จึงมีแนวโน้มสะสมสารปรอทและโลหะหนักได้มาก แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์และเด็กหลีกเลี่ยง
2. เมนูปลาทอด
การทอดด้วยน้ำมันอุณหภูมิสูงทำให้เกิดไขมันทรานส์ ซึ่งหากกินเป็นประจำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด แม้จะกินได้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ควรรับประทานเป็นอาหารหลักในชีวิตประจำวัน
3. เมนูปลาสไตล์จีน
เช่น ปลาตุ๋นซีอิ๊ว ปลาราดเปรี้ยวหวาน แม้จะอร่อยและเข้ากับข้าว แต่ก็มักมีปริมาณโซเดียมสูง ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หรือมีแนวโน้มบวมน้ำ
4. เมนูปลาทะเลน้ำลึก
แม้จะอุดมด้วยโอเมก้า-3 ที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็อาจแฝงด้วยโลหะหนัก แนะนำให้เลือกปลาขนาดเล็ก และมีแหล่งที่มาชัดเจน เช่น ปลาซาบะ หรือ ปลาอาจิ (ปลาเข็มญี่ปุ่น) จะปลอดภัยกว่า
5. เมนูปลาดิบ
เช่น ซาชิมิ หากไม่ได้ผ่านกระบวนการแช่แข็งอย่างเหมาะสม อาจมีพยาธิหรือเชื้อโรคปนเปื้อน ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หญิงตั้งครรภ์ และเด็กเล็ก ควรหลีกเลี่ยง
จาง อวี้ซี ยังแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้กินปลาได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ดังนี้:
เวลาทอดปลาแซลมอน ควรลอกหนังออกก่อน จะช่วยลดสารโลหะหนักตกค้างได้ถึงประมาณ 40% หากลอกหนังหลังทอดเสร็จ ผลลัพธ์จะลดลง
เลือกปลาตัวเล็กที่อยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร เช่น ปลาซัมมะ ปลาซาบะ หรือปลากะพงเหลืองขนาดเล็ก เนื่องจากมีความเสี่ยงปนเปื้อนต่ำกว่า
ก่อนต้มซุปปลา ควรลวกปลาก่อน จะช่วยลดกลิ่นคาว สิ่งสกปรก และโลหะหนักตกค้าง
เลือกซื้อปลาที่มีสัญลักษณ์ “CAS” หรือ “มีประวัติการผลิต” เพื่อให้มั่นใจว่ามีแหล่งที่มาชัดเจน และปลอดภัยต่อสุขภาพ
จาง อวี้ซี เน้นย้ำว่า การกินปลานั้นดีต่อสุขภาพก็จริง แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ "กินเยอะ" แต่คือ "กินเป็น" หากเลือกชนิดปลาให้เหมาะ และปรุงอย่างถูกวิธี ก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้อย่างแท้จริง
เธอยังฝากเตือนว่า แทนที่จะกินตามกระแสหรือเสริมแบบไม่รู้ที่มา ควรเริ่มต้นจากการ "รู้จักปลา" และค่อย ๆ สร้างนิสัยการกินปลาอย่างถูกต้องในชีวิตประจำวันจะดีกว่า