ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางระบบรางและโลจิสติกส์ของภูมิภาค
กรุงเทพฯ 1 ส.ค. – “คมนาคม” ผนึกกำลัง “อุตสาหกรรม” ลงนาม MOU ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางระบบรางและโลจิสติกส์ของภูมิภาค พร้อมเปิดงานอุตสาหกรรมแฟร์ 2568
ณ สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการบูรณาการระบบคมนาคมขนส่งเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการผลิตและยกระดับระบบขนส่งทางรางของประเทศ พร้อมเปิดงานอุตสาหกรรมแฟร์ 2568 โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นประธานและสักขีพยานในพิธี โดยความร่วมมือครั้งนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทยในการออกแบบและผลิตรถไฟเองภายในประเทศด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล โดยจะดำเนินการในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการลดต้นทุนการนำเข้าและการบำรุงรักษา พร้อมส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคม ได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระบบรางอย่างต่อเนื่อง ทั้งในมิติของรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รวมมูลค่าหลายแสนล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามนโยบายของรัฐบาลที่มีเป้าหมายในการลดต้นทุนการขนส่งของประเทศ โดยการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งของประเทศ จากการขนส่งทางถนน เป็นการขนส่งทางราง หรือที่เราเรียกกันว่า “Shift Mode” ทั้งนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะพัฒนาทางรถไฟทางคู่ แต่เพียงอย่างเดียวไม่สามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Shift Mode ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพัฒนารถจักรและล้อเลื่อนควบคู่ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อยู่แล้ว ทำให้มีปัจจัยพื้นฐานที่พร้อมที่จะเป็นฐานการผลิตของระบบรางได้ ประกอบกับการรถไฟแห่งประเทศไทย มีประสบการณ์ในการประกอบและซ่อมบำรุงมาเป็นเวลานาน จึงมีความพร้อมที่จะผลิตและซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อนได้ด้วยตัวเอง เมื่อมีองค์ความรู้ที่เหมาะสม“ซึ่งการลงนามในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการยกระดับระบบรางของไทย ไม่เพียงแค่ในด้านคมนาคมขนส่ง แต่ยังรวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยกระทรวงคมนาคมได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. เดินหน้าสนับสนุนการผลิตรถไฟภายในประเทศ ทั้งในรูปแบบหัวรถจักรไฮบริด (Hybrid Locomotive), รถไฟโดยสาร (Passenger Coach), รถไฟไฮบริดพร้อมตู้โดยสาร (Hybrid Multiple Unit) และตู้สินค้า (Freight Wagon) ที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมทั้งสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาบุคลากร”
ด้าน นายเอกนัฏ กล่าวว่า “การผนึกกำลังกับกระทรวงคมนาคมครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะสนับสนุนการพัฒนา Supply Chain สำหรับการผลิตรถไฟ มุ่งเน้นในส่วนของโครงรถ ระบบเบรก ระบบปรับอากาศ พร้อมทั้งพัฒนาระบบมาตรฐานและการทดสอบต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ไทยในการออกแบบรถไฟต้นแบบและการปรับปรุงรถไฟนำเที่ยว”
สำหรับสาระสำคัญของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดให้อยู่ภายใต้ความร่วมมือที่มีเป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่ 1. การส่งเสริมการผลิตและการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมพื้นฐานของไทย 2. การสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิต การออกแบบ และการบำรุงรักษาระบบราง ให้เทียบเท่าระดับสากล 3. การพัฒนาทักษะและศักยภาพของแรงงานไทย ให้สามารถรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมระบบรางในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. การสร้างความมั่นคงให้แก่อุตสาหกรรมระบบราง ทั้งในประเทศและเพื่อการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นอันสำคัญของการวางรากฐาน “อุตสาหกรรมระบบรางแห่งอนาคต” ของประเทศไทย บนฐานของศักยภาพคนไทย เทคโนโลยีไทย และอุตสาหกรรมไทยอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ยังต่อยอดสู่การจัดงาน “อุตสาหกรรมแฟร์ 2568 : รถไฟอุตสาหกรรม นำความสุขสู่คนไทย” โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยภายในงานแบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ 1. โซน Good Price : รวบรวมด้วยสินค้าราคาพิเศษจากเครือสหพัฒน์กว่า 500 รายการ 2. โซน Thai Showcase : ค้นพบของดี ของเด่นจากทั่วไทย ทั้งสินค้า OTOP สินค้าอุปโภคบริโภค และงานคราฟต์กว่า 300 รายการ 3. โซน Best Choice กับ Motor Show : คนรักรถห้ามพลาด พบกับทัพรถยนต์กว่า 19 ค่าย พร้อมข้อเสนอและโปรโมชั่นสุดพิเศษ และ 4. โซน High Quality : พบกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเทคโนโลยีทันสมัยมาตรฐานสากล ในราคาพิเศษลดสูงสุดถึง 60% พร้อมพบกับกิจกรรมมากมายที่ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางอย่างครบวงจร งานเดียวที่รวมสินค้าอุตสาหกรรมและนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีของคนไทยไว้ครบครัน
ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับระบบคมนาคมทางรางและอุตสาหกรรมไทยเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการสร้างกลไกใหม่เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว ทั้งในด้านเทคโนโลยี การผลิต และการพัฒนาบุคลากร เพื่อร่วมกันผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางระบบรางและโลจิสติกส์ของภูมิภาคอย่างแท้จริง.-513-สำนักข่าวไทย