ยืนยันแล้ว! เหตุ ไม่สามารถปล่อย เชลยศึกทหารเขมร กลับไปได้ตอนนี้!!
ทบ.ระบุ ที่ยังไม่ปล่อยเชลยกลับได้ เหตุไม่ต้องการให้กลับไปเสี่ยงชีวิตในแนวหน้า ถูกทอดทิ้ง เหมือนที่เกิดกับทหารกัมพูชา ที่สูญหายหรือเสียชีวิตก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชน จากการที่วันนี้ (5 ส.ค.68) ทางกองทัพบก ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่
จาก สำนักงานภูมิภาคของ คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ที่กรุงเทพฯ เข้ามาเยี่ยมเชลยศึกชาวกัมพูชาที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายไทย จำนวน 18 นาย ว่า
"การเยี่ยมครั้งนี้ถือเป็นขั้นตอนปกติที่ ICRC ดำเนินการอยู่แล้ว ในฐานะองค์กรกลาง
ด้านมนุษยธรรมที่มีมาตรฐานสากล ไม่ได้เป็นไปตามข้อเรียกร้องจากประเทศใดตามที่มีข่าวจาก
ฝั่งกัมพูชา ซึ่งมักออกข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่บ่อยครั้ง
โดยจุดประสงค์ของ ICRC ในครั้งนี้ ก็เพื่อเยี่ยมและรับทราบการดูแลเชลยศึก ซึ่งกองทัพบก
ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ตามที่ได้เรียนให้ทราบไปก่อนหน้านี้แล้ว
นอกจากนี้ ในระบบงานของ ICRC ยังมีขั้นตอนในการเป็นหน่วยงานกลาง ที่ช่วยให้ญาติและครอบครัวของเชลยศึกได้รับทราบการถูกควบคุมตัว ผ่านทางช่องทางเฉพาะของ ICRC เพื่อให้ครอบครัวของทหารเหล่านี้สบายใจว่า ญาติของเขาไม่ได้สูญหายหรือเสียชีวิตจากการสู้รบ ซึ่งผมมองว่าประเด็นนี้คือจุดสำคัญที่รัฐบาลกัมพูชาอาจไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร
สำหรับบรรยากาศโดยรวมในการดำเนินการ ในวันนี้เราได้เห็นภาพของความร่วมมือระหว่างกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และคณะ ICRC ในการขับเคลื่อนกลไกด้านมนุษยธรรมสากลในการดูแลเชลยศึก ซึ่งทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องว่าต้องมีการปฏิบัติตามหลักสากลอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดการหารือและการพูดคุยกับเชลยศึกนั้น ทาง ICRC
ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นไปตามแนวปฏิบัติและขั้นตอนที่ ICRC ยึดถืออย่างเคร่งครัด
ส่วนเรื่องการส่งตัวเชลยศึกกลับกัมพูชา ผมขอย้ำจุดยืนของกองทัพว่า เรามีความตั้งใจที่จะส่งเชลยศึกเหล่านี้กลับไปหาครอบครัวโดยเร็วที่สุด เมื่อสถานการณ์การสู้รบยุติลงอย่างแท้จริง เพราะทหารเหล่านี้ในอีกสถานะหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นพ่อ เป็นสามี เป็นลูกชายของครอบครัว เราไม่ต้องการให้ทหารเหล่านี้ต้องกลับไปเสี่ยงชีวิตในแนวหน้าหรือถูกทอดทิ้ง เหมือนที่เกิดขึ้นกับทหารกัมพูชาที่สูญหายหรือเสียชีวิตก่อนหน้านี้"
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS