โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

หลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินหุ้นไทยครึ่งหลังปี 2568 ผันผวน ลุ้นฟื้นตัวสู่เป้าหมาย 1,280 จุด

Positioningmag

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • PR News

หลักทรัพย์บัวหลวง มองตลาดหุ้นไทยครึ่งหลังปี 2568 ยังเผชิญความผันผวนจากหลายปัจจัยทั้งภายในและต่างประเทศ คาดว่าไตรมาส 3 จะเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทย ก่อนมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 4 หนุน SET Index ทยอยขยับแตะเป้าหมาย 1,280 จุด ในสิ้นปีนี้ โดยหุ้นกลุ่ม “Global Play” ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกจะเป็นผู้นำตลาดในรอบนี้
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (เดือนม.ค.- ก.ค. 2568) ให้ผลตอบแทนติดลบ 10.06% โดยยังเผชิญความไม่แน่นอนจากหลากหลายปัจจัย เช่น มาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ, ความไม่แน่นอนทางการเมือง, ภาวะหนี้ครัวเรือนสูงและรอการแก้ไข, เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มที่จากปัจจัยการเมืองขาดเสถียรภาพ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ทยอยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โดยฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ของบริษัท ได้ปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2568 ลงจาก 92 บาทต่อหุ้น เหลือ 82 บาทต่อหุ้น จากงบการเงินครึ่งปีแรก (อัตราการปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้นน้อยลงในเดือนมิ.ย.-ก.ค. ที่ผ่านมา)
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ ประเมินว่า ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 จะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยแตะระดับต่ำสุด ก่อนจะเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4 หากความเสี่ยงทางการเมืองไม่มีความรุนแรงและสามารถหาจุดลงตัวได้ ขณะเดียวกัน มาตรการภาษีของสหรัฐฯ มีแนวโน้มไม่ส่งผลกระทบเกินคาด เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยใกล้เคียงกับประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว มีโอกาสที่หุ้นไทยจะค่อย ๆ ฟื้นตัวสู่เป้าหมาย SET Index สิ้นปี 2568 ในกรอบ 1,280 จุด โดยอ้างอิงสมมติฐานการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ 6.6% และค่า P/E เฉลี่ย 15.7 เท่า
ภายใต้กรอบดังกล่าว แนะนำนักลงทุนใช้จังหวะที่ตลาดปรับฐานทยอยสะสมหุ้น โดยมองว่า หุ้นกลุ่ม “Global Play”
ที่มีการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกและมูลค่าหุ้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เช่น กลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และผู้ผลิตอาหารสัตว์มีแนวโน้มจะเป็นกลุ่มนำตลาดรอบนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่ม “Domestic Play” ยังถูกกดดันจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวช้า ซึ่งกลุ่มที่ถูกกระทบมาก เช่น อสังหาริมทรัพย์, การก่อสร้าง, ไฟแนนซ์เช่าซื้อ, สินเชื่อบุคคล และสื่อมีเดีย ขณะที่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบปานกลางถึงน้อย ได้แก่ ธนาคาร, ร้านสะดวกซื้อ, โรงพยาบาล และท่องเที่ยว
“หุ้นไทยปรับตัวลงแรงจนใกล้เคียงระดับที่เคยเกิดขึ้นช่วงวิกฤตการณ์สำคัญในอดีต เช่น วิกฤตเลห์แมน บราเธอร์ส, วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง และต่ำกว่าช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราจึงประเมินว่า Downside ของตลาดหุ้นไทยมีจำกัด โดยระดับ 1,050 -1,080 จุด มีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ดี ในส่วนของปัจจัยภายนอกประเทศนั้น เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัว หากตัวเลขเงินเฟ้อได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้า ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประมาณ 1-2 ครั้ง รวม 0.50% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และอาจปรับลดเพิ่มเติมในปี 2569 ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้ง ในช่วงครึ่งหลังของปี และอีก 1 ครั้ง ในปี 2569 สอดคล้องกับแนวโน้มเงินเฟ้อไทยที่ยังอยู่ระดับต่ำที่ประมาณ 1%” นายชัยพร กล่าว
นายชัยพร กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดจะได้รับผลกระทบเชิงบวกจากมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เช่น กลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์ เช่น BTG, TFG, GFPT และ CPF ซึ่งได้รับประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าที่ลดลง เช่น ข้าวโพดและถั่วเหลือง โดยประเมินว่า กลุ่มดังกล่าวจะมีผลบวกต่อกำไรเฉลี่ย 13.7% โดย BTG จะได้รับผลบวกสูงสุด 16.49% ในทางกลับกัน กลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบ ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ DELTA ที่มีสัดส่วนรายได้จากตลาดสหรัฐฯ ประมาณ 20-30% แต่ DELTA อาจได้รับแรงสนับสนุนจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Data Center, Cloud และ AI ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่กลุ่มส่งออกอาหาร เช่น TU และบริษัทลูก ITC ที่มีรายได้จากตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างสูง อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนภาษี แต่ยังมีโอกาสบรรเทาผลกระทบผ่านการเจรจากับผู้นำเข้าสหรัฐฯ
สำหรับกลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุน ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ ให้น้ำหนักการลงทุน “ตราสารหนี้” ในระดับสูงกว่าปกติที่ประมาณ 56% (จากระดับปกติไม่เกิน 20%) เพื่อรับประโยชน์จากแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ย และสามารถควบคุมความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้ดี ขณะที่ให้น้ำหนักในหุ้น 48% และทองคำ 6% ในส่วนของการลงทุนในหุ้น แนะนำกระจายลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ หุ้นสหรัฐฯ 11%, ญี่ปุ่น 4%, จีน (เน้นกลุ่มเทคโนโลยี) 7%, เวียดนาม 7%, อินเดีย 4% และไทย 5%
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจลงทุนในต่างประเทศยังสามารถเลือกลงทุนผ่านตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ
หรือ DR ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ปัจจุบันหลักทรัพย์บัวหลวง มี DR01 ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) รวมทั้งสิ้น 27 หลักทรัพย์ ครอบคลุมการลงทุนในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา, จีน, ฮ่องกง, เวียดนาม, อินเดีย, ญี่ปุ่น และหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา, ฮ่องกง และยุโรป โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) 13,677.5 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดราว 40% ของทั้งอุตสาหกรรม (ข้อมูล ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2568)

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Positioningmag

ดู เดย์ ดรีม (DDD) ประกาศความสำเร็จกลยุทธ์ “Fandom Marketing” เดินหน้าลุยตลาดความงามเต็มสูบ ชูแนวคิด Innovate for a Better Future

24 นาทีที่แล้ว

CC DOUBLE O เปิดตัวแคมเปญ “Confidence Made Casual” เผยนิยามใหม่แห่งสไตล์แฟชั่นที่ใส่ความมั่นใจในแบบของคุณได้ทุกวัน

30 นาทีที่แล้ว

ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล รุกตลาดฟู้ดรีเทลต่อเนื่องกว่า 29 ปี จัดแคมเปญครบรอบฉลองยิ่งใหญ่ ส่งความสุขพร้อมคืนกำไรลูกค้า

36 นาทีที่แล้ว

“เอ้ก ดิจิทัล" เสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยทุกอุตสาหกรรมด้วย AI-Powered MarTech Solution ชู 3 โซลูชันอัจฉริยะ เครื่องมือการตลาดที่เข้ามาช่วยปลดล็อคให้ธุรกิจก้าวผ่านสภาวะเศรษฐกิจท้าทาย

45 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่นๆ

วางแผนภาษี เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการบริหารการเงินส่วนบุคคล

สยามรัฐ

ทอท.ปรับใหม่แผนแม่บท"สุวรรณภูมิ"รับ 120 ล้านคน - ปี 69 เข็นประมูล East Expansion-สายพานกระเป๋าขาเข้า

Manager Online

"ททท." ปลื้มตลาดอินเดียเติบโต 55% ดันการท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ 966,098 ล้านบาท

สยามรัฐ

ดู เดย์ ดรีม (DDD) ประกาศความสำเร็จกลยุทธ์ “Fandom Marketing” เดินหน้าลุยตลาดความงามเต็มสูบ ชูแนวคิด Innovate for a Better Future

Positioningmag

“อพท. คว้ารางวัล ITA AWARDS 2025 ด้านความโปร่งใส อันดับ 1 ในประเภทองค์การมหาชน”

สยามรัฐ

จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 2.8% สภาพัฒน์คาดจีดีพีปี 2568 โต 1.8-2.3%

สยามรัฐ

ครม. อนุมัติ โครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในลาว

สยามรัฐ

CC DOUBLE O เปิดตัวแคมเปญ “Confidence Made Casual” เผยนิยามใหม่แห่งสไตล์แฟชั่นที่ใส่ความมั่นใจในแบบของคุณได้ทุกวัน

Positioningmag

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...