“กสิกรไทย” ชี้ THAI ครึ่งปีหลังโตแกร่ง รับดีมานด์พรีเมียม–Cabin factor สูง
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการดำเนินงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ในครึ่งหลังปี 2568 คาด Cabin factor อยู่ในระดับสูงราว 78-80% ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ 80.2% ขณะที่คาดว่าอัตราผลตอบแทนต่อผู้โดยสาร ( passenger yield) จะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก 2568 ที่ราวๆ 2.79 บาทต่อ RPK
ด้านค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา(maintenance cost) ต่อ ASK น่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2568 และคาดว่าเฉลี่ยทั้งปี 2568 จะยังใกล้เคียงกับปี 2567ที่ 0.31 บาทต่อ ASK
โดยเห็นทิศทางของอุปสงค์ในชั้นประหยัดพิเศษ(premium economy class) ที่เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่อุปสงส์ของชั้นธุรกิจ(business class) ยังคงแข็งแกร่ง โดยกลยุทธ์ของการบินไทยจะยังคง position ตัวเองในสถานะ premium leisure และจะเพิ่มจำนวนที่นั่งของ premium economy ให้มากขึ้นใน fleet ใหม่ที่เตรียมรับเข้ามา
อีกทั้งเตรียมแก้ไขปัญหา feedback ของ Business Class ในเครื่อง A330 ที่เพิ่งรับมาใหม่โดยจะลดชั้นในการขายจาก Business Class เป็น premium economy plus เพื่อลดความคาดหวังของผู้โดยสาร
ส่วนกรอบการประกันราคาน้ำมันล่วงหน้า(fuel hedging) จะไม่เกิน 30% ของการใช้น้ำมัน และใช้ zero cost collar ในการเข้าทำ fuel hedging โดยปัจจุบันทำไปแล้ว 15% ในไตรมาส 4/68 และ 10% ในไตรมาส 1/69
สำหรับเครื่อง A321 neo ที่จะเพิ่มเข้ามาในปี 2569 จะช่วยทำให้บริษัทจะเพิ่มความจุและประสิทธิภาพ ให้กับบริษัทเพราะในปัจจุบันบริษัทใช้เครื่องขนาดใหญ่ในการบินเส้นทาง 4-5 ชั่วโมง ซึ่งถ้าใช้เครื่องบินขนาดเล็กและเพิ่มความถี่จะทำให้มีต้นทุนที่ประหยัดขึ้น
ส่วน A321 neo ที่จะรับเข้ามาเพิ่มจะเปิดเส้นทางใหม่ในอินเดีย,จีน,อินโดนีเซีย และเพิ่มความถี่สิงคโปร์–ฮ่องกง
โดยผู้บริหารบริษัทตั้งเป้า ASK (Available Seat Kilometer) ปี 2569 เติบโตเฉลี่ยราว 6%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และอาจเร่งขึ้นได้ถึง 16% หากสามารถจัดหาเครื่องบินลำตัวกว้าง(wide-body) ได้เพิ่มมากกว่าแผนเดิม