บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ไม่กดดันการทำงาน ครึ่งปีหลังขอโฟกัสงานเพลง เผยอิสรภาพทางทรงผม
บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ไม่กดดันการทำงาน ครึ่งปีหลังขอโฟกัสงานเพลง เผยอิสรภาพทางทรงผม
ฮอตสุดๆ ทั้งที่ไทยและต่างประเทศ สำหรับ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ที่ล่าสุด ก็เพิ่งคว้ารางวัล “Weibo Thailand Most Influential Male Singer Overseas” จากงานประกาศรางวัลสุดยิ่งใหญ่ “WEIBO GALA 2025” โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับศิลปินชาวไทยที่ทรงอิทธิพลด้านผลงานเพลงและกระแสความนิยมจากแฟนคลับต่างประเทศที่ติดตามและสนับสนุนผ่านแพลตฟอร์ม Weibo ทั้งนี้เมื่อบิวกิ้นได้มาร่วมงาน “BANOBAGI (บาโนบากิ) Built Bright Skin With B” ที่ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในฐานะพรีเซ็นเตอร์สุดฮอตคนใหม่ล่าสุดของแบรนด์ ก็ได้เปิดใจว่า
รางวัลล่าสุดจาก weibo?
“ก็ดีใจเพราะว่าจริงๆ แล้ว weibo เค้าก็เป็นแพลตฟอร์มใหญ่ที่จีน ซึ่งผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ หมายถึงว่าเราทำเพลงเป็นคนที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมเพลงไทย แต่ว่าเพลงมันทำงานแล้วมันทำให้เราเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อแฟนๆ ในต่างประเทศ ก็รู้สึกว่าดีใจครับ”
ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไหม?
“ผมว่ามันเป็นคุณค่ามากกว่ามั้ง มันก็เป็นเหมือนสิ่งที่เป็นกำลังใจแล้วกัน แต่ถ้าถามว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงขนาดนั้นไหม ผมว่าเราก็ยังดำเนินชีวิตเหมือนเดิม”
กดดันบ้างไหม?
“ไม่กดดันเลยจริงๆ แล้วผมเลือกงานที่ส่วนใหญ่จะทำแล้วรู้สึกอินกับมันมากกว่า แล้วก็รู้สึกแฮปปี้กับมัน ถ้าเราอินแล้วแฮปปี้กับมันจริงๆ ผมว่าถ้าเราได้ใช้ช่วงเวลาในการทำงานที่เรามีความสุขผมว่ามันก็โอเคและ ส่วนผลลัพธ์ก็ถือว่าเป็นโบนัส”
ในเรื่องของการทำงานต้องตั้งใจมากขึ้นไหม?
“ก็ไม่ได้ตั้งใจมากขึ้นเพราะว่าตั้งใจที่สุดมาตลอดอยู่แล้ว แซวๆ นั้นแหละครับผมว่าไม่อยากสร้างแรงกดดันให้กับตัวเองมันก็เป็นไปแบบเดิมนั่นแหละเพราะว่าที่ผ่านมาผมก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดในความสามารถในช่วงเวลานั้นอยู่แล้ว ก็อยากจะทำงานที่เต็มที่ให้กับมันได้มีเวลาให้กับมัน”
ในฐานะนักแสดงมีบทไหนที่อยากเล่นอีกไหมเพราะเราก็มักได้รับบทคล้ายๆ เดิม?
“ก็อยากเล่นอะไรที่มันห่างจากความเป็นตัวเอง จริงๆ ก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นแบบไหน ผมว่าจริงๆ แล้วงานแสดงเป็นเรื่องของจังหวะและโอกาส ฝว่ามันประกอบไปด้วยคนหลายๆ คน หลายๆ ปัจจัย ทั้งผู้กำกับ ทั้งเรื่อง ทั้งเวลาด้วย คือถ้ามันมีโอกาสที่ดีและน่าสนใจไม่ว่ามันจะท้าทายไม่ท้าทายผมว่าสุดท้ายแล้วมัน ต่อให้บทมันใกล้ตัวหรือไกลตัวผมว่ามันมีความท้าทายอยู่ในนั้นอยู่ตลอด”
ในส่วนของงานเพลงเราขึ้นคอนเสิร์ตบ่อยมาก?
“ก็พยายามออกไปทำอะไรมากๆ เยอะขึ้น เพราะว่าปีที่แล้วผมก็ไม่ค่อยได้ขึ้นร้องเท่าไหร่ ด้วยเรื่องการไปเรียนด้วย เรื่องของการทำคอนเสิร์ตกับพีพีด้วย มันก็เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเป็นแขกรับเชิญให้ใคร หรือไม่ค่อยได้มีโอกาสไปขึ้น festival ผมว่าปีนี้พอหลังจากซองแดงมีเพลงมีอะไรขึ้นมาก็รู้สึกว่าเป็นจังหวะที่ดีครับ”
การไปเป็นแขกรับเชิญในหลายๆ เวทีต้องเตรียมตัวยังไง?
“ก็เตรียมตัวเยอะเหมือนกันครับเพราะว่าศิลปินแต่ละคนเค้าก็จะมีวิธีการทำงานแล้วก็มีมุมมองที่มันไม่เหมือนกัน เราก็จะเลือกไปเป็นแขกรับเชิญให้กับคนที่เรารู้สึกว่าเราอยู่ด้วยแล้วมันส่งเสริมกันแล้วไปด้วยกันได้ด้วย แต่พอมันเป็นอย่างนั้นผมว่ามันก็ต้องเรียนรู้เตรียมตัวแล้วก็ทำการบ้านเกี่ยวกับตัวเค้าและก็หาความพอดีในแต่ละงานในการผสมคนสองคนเข้าด้วยกัน”
ครึ่งปีหลังจะโฟกัสที่งานเพลงเป็นหลักเลยไหม?
“ก็โฟกัสงานเพลงเป็นหลักครับเพราะว่างานแสดงยังไม่มีใครติดต่อมาครับ (หัวเราะ) (มีติดต่อมาไหม?) มีมาเรื่อยๆ ครับ แต่ยังไม่ได้มีอันที่เรามันเหมาะสมในทุกๆ ปัจจัยแล้วกัน อย่างที่บอกว่ามันมีเรื่องของเวลา เรื่องของการเตรียมตัว เรื่องของบทหรือเรื่องของอะไรที่ผมว่าพอมันเป็นองค์รวมที่พอมันผสมกันแล้วมันอาจจะทำให้เราตัดสินใจเลือกรับงานแสดงได้สักงานนึง”
ทุกบทบาทที่ได้รับมันชาเลนจ์ตัวบิวกิ้นไปเรื่อยๆ มันอัพบาร์ขึ้นไปเรื่อยๆ มีความกดดันไหม?
“ก็ไม่ได้กดดันมากครับ ผมว่ามันเป็นความรู้สึกมากกว่ามั้ง อย่างที่บอกพอเราอ่านบทเราดูคนทำงานแล้วมันไดรฟ์เราข้างในแค่ไหนว่าเราอยากทำไหม ผมว่างานแสดงมันเป็นงานที่ใช้พลังเยอะ พลังกายพลังใจแล้วก็เวลาด้วย ก็อยากจะเลือกอันที่เราสามารถรักษาคุณภาพของมันได้ไปจนจบ”
มีหลายคนชื่นชมว่าเราอายุน้อยแต่เราสามารถเปิดบริษัทเองได้?
“ก็ขอบคุณครับผมว่ามันเป็นจังหวะด้วย และผมว่าผมเป็นคนโชคดีมาก ผมรู้สึกว่าผมได้โอกาสจากคนรอบตัวแล้วจังหวะชีวิตที่มันพาเราไปเจอคนดีๆ อยู่ตลอดตั้งแต่เรามีโอกาสได้เข้านาดาว ได้เจอกับคนในนาดาวเยอะแยะมากมาย พอปิดเราก็ยังมีพี่ๆ ที่คอยมาซัพพอร์ต จริงๆ แล้วผมไม่ได้ทำเองขนาดนั้น หมายถึงว่าคือเราทำเองก็จริงแต่ว่าเรามีคนที่มาช่วยเราอีกเต็มไปหมดเลย ผมว่ามันคือความโชคดี”
ถือว่ามันเกินฝันจากสิ่งที่เราคิดไว้ไหม?
“ก็เกินฝันนะครับ จริงๆ ตอนนี้ก็เกินฝันแล้ว ต่อจากนี้ก็เป็นกำไรแล้วกัน”
หลายคนเซอร์ไพรส์กับการไว้ผมยาว?
“ผมว่าเป็นอิสรภาพทางทรงผม ผมโตมาเป็นนักเรียนโรงเรียนชายล้วนอ่ะแบบเรียน รด. ตัดหัวเกรียน ก็เลยรู้สึกว่าไม่เคยไว้ผมยาวเกินตรงนี้เลย แล้วไปเรียนต่อพอดีก็ไม่ได้ตัดผมพอมาขนาดนี้ก็ลองไปต่อๆ ความจริงไม่ได้คิดหรือวางแผนขนาดนั้นผมว่ามันก็เป็นความรู้สึกในช่วงนี้กับช่วงที่ผ่านมาๆ เท่านั้นเอง”
เรานำเทรนด์กับผมยาว?
“ก็ดี ผมว่าเราเปิดกว้างกับความหลากหลายแล้วก็สนับสนุนให้ทุกคนลองทำอะไรใหม่ๆ แล้วก็ลองทำสิ่งที่อยากทำ ใช้ความรู้สึกทำงาน”
อยากลองลุคนี้ไปนานๆ ไหม?
“ไม่รู้เลยครับ จริงๆ ตอนแรกก็ยาวกว่านี้วันนั้นรู้สึกอยากตัดก็ตัดให้มันเหลือเท่านี้ ก็ไปเรื่อยๆ ตามจังหวะ”
ช่างผมเขาบ่นบ้างไหม?
“ไม่ค่อยบ่นครับ (ดีไซน์ผมเป็นยังไงบ้างเวลาออกงาน?) ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำการบ้านเยอะขึ้นทางทีม เพราะก่อนหน้านี้ตอนมันอยู่ในความยาวระดับผมสั้นเค้าก็จะมีตัวเลือกให้เยอะ แต่พอผมยาวแบบนี้ก็ต้องทำการบ้านเยอะขึ้น”
มีอยากทำทรงอะไรอยู่ไหมที่อยากทำ?
“จริงๆ ตอนแรกเป็นสไลด์แต่ตอนนี้พยายามแบบอยากให้มันเป็นบ๊อบมากขึ้น (มีคนบอกเรานำเทรนด์ทรงผมสมัยพี่มอส พี่เต๋ากลับมา?) จริงๆ ผมไม่ได้คิดขนาดนั้น พอทำแล้วคนก็ส่งรูปมามันก็เหมือนย้อนจริงๆ”
เพื่อนๆ มีถามมั้ยว่าเราจะตัดเมื่อไหร่?
“ก็มีบ้างครับ แต่ผมก็บอกไปว่าผมไม่รู้ มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้วางแผนครับ”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ไม่กดดันการทำงาน ครึ่งปีหลังขอโฟกัสงานเพลง เผยอิสรภาพทางทรงผม
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th