ส่องศักยภาพ 8 บริษัทค้าปลีก ยอดขาย-กำไรลด หวังปลายปีเริ่มฟื้น
CGSI วิเคราะห์ผลประกอบการกลุ่มค้าปลีก 8 บริษัท พบยอดขาย-กำไรลด คาดไตรมาส 3 ยังอ่อนตัว หวังเริ่มฟื้นได้ปลายปี แนะนำ คงน้ำหนักการลงทุน
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยผลวิเคราะห์ผู้ค้าปลีก 8 บริษัท ประกอบด้วย BJC, CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL, HMPRO และ MOSHI พบทำกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 รวม 1.34 หมื่นล้านบาท ลดลงครั้งแรก นับตั้งแต่ฟื้นตัวหลังโควิด-19
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ลดลง รวมถึงรายได้การขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวลดลงชัดเจน ตามปริมาณนักท่องเที่ยวที่หดตัว ขณะที่ผู้ประกอบการเกือบทุกบริษัทมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ติดลบ
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ระบุว่า กำไรสุทธิของกลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้า Home improvement ในไตรมาส ลดลง 19.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ติดลบ 1.6%-10.7% โดยเผชิญแรงกดดันจากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีนี้ขาดแรงหนุนจากปรากฏการณ์เอลนีโญ จึงยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อผลกำไร เนื่องจากต้นทุนคงที่สูง โดย GLOBAL มีกำไรสุทธิลดลงมากสุด 32% ตามด้วย DOHOME ลดลง 18% และ HMPRO ลดลง 14%
ขณะที่กลุ่มแฟชั่นของ CRC ในไทยมี SSSG ติดลบ 4% ในไตรมาส 2 สะท้อนการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนตัวลง และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งตรงข้ามกับ MOSHI ที่มี SSSG บวก 15.2% จากการตั้งราคาให้เข้าถึงได้และการปรับปรุงการทำ Visual merchandising เพื่อเพิ่มอัตราการแปลงยอดขายและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าแบบไม่ได้วางแผน นอกจากนี้ operating leverage ที่ดีขึ้นยังช่วยให้กำไรสุทธิของ MOSHI เติบโตสูงถึง 65%
ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคติดดลบ
สำหรับกลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ทุกบริษัทที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ศึกษามี SSSG ติดลบ 0.8%-3.2% ในไตรมาส 2 ยกเว้น Makro ที่ SSSG ทรงตัว เนื่องจากยอดขายออนไลน์เติบโตสูงถึง 22% ขณะที่ CPALL และ CPAXT ยังคงมีกำไรสุทธิเติบโต 8% และ 5% ตามลำดับ จาก margin ที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ต่างจาก BJC ที่มีกำไรสุทธิลดลง 19% เพราะมีแรงกดดันจากยอดขายที่ลดลงของ BigC, กำไรรวมที่หดตัว รวมถึงความต้องการบรรุภัณฑ์ที่ลดลง เพราะปริมาณการขายเครื่องดื่มลดลง
อย่างไรก็ตาม พบว่า สินค้า Home improvement บางบริษัทติดลบน้อยลงตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส 3 จนถึงปัจจุบัน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในปีก่อน มากกว่าการฟื้นตัวของอุปสงค์ ขณะที่ปัจจัยฤดูกาลยังเป็นแรงกดดันเพิ่มเติม เนื่องจากไตรมาส 3 มักเป็นช่วงที่ยอดขายอ่อนตัวที่สุดของปี โดยคาดว่าการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นอาจเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นในไตรมาส 4 หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเริ่มส่งผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI หันมามองเชิงบวกต่อผู้ค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น หลังจากธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR หลังธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงถึง 87.4% ของ GDP ในไตรมาส 1 การใช้จ่ายอาจฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อย
สำหรับ CPALL ยังคงเป็นหุ้น Top pick ของฝ่ายวิเคราะห์ฯ เนื่องจากมี margin ทรงตัวและเติบโตสม่ำเสมอ ส่วน MOSHI ยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่ฐานที่สูงในไตรมาส 4 อาจจำกัดการเติบโตและโมเมนตัมของราคาหุ้นชั่วคราว
ดังนั้น ยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มค้าปลีกไทย เพราะยังไม่เห็นปัจจัยบวกที่ชัดเจนจากอุปสงค์ในระยะสั้น อีกทั้งผลประกอบการของผู้ค้าปลีกไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ฟื้นตัวชัดเจน และปัจจัยลบจากเศรษฐกิจมหภาคจะหักล้างผลดีจากการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มค้าปลีกอาจมี upside risk หากการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวเร็วขึ้น และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวแข็งแกร่ง ส่วน downside risk จะมาจากการบริโภคที่อ่อนตัวต่อเนื่องและ margin ถูกกดดันจากการแข่งขัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'ภัยพิบัติ' ใกล้ตัวกว่าที่คิด AI ช่วยค้าปลีกไทย เตรียมพร้อมรับมือเชิงรุก
- จับแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ แนะทางรอดยุคต้นทุนพุ่ง-อีคอมเมิร์ซรุมกระหน่ำ
- ค้าปลีกไทย 4 ล้านล้านเผชิญปัจจัยรอบด้าน ชงรัฐสกัดสินค้าไร้มาตรฐาน
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx