รัฐมนตรีพาณิชย์ชี้ FTA ไทย-EU คือภารกิจสำคัญสูงสุด เชื่อช่วยเปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุน
“จตุพร” มองการเจรจา FTA ไทย-EUเป็นหมุดหมายสำคัญการค้าระหว่างประเทศของไทย ช่วยเปิดโอกาสการค้า-ลงทุน จัด "Voice x Vision: Thai-EU FTA in Focus"เปิดฟังเสียงรัฐ เอกชน เกษตรกร SMEs ภาคประชาสังคม และนักวิชาการ รับมือประเด็นจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ ทรัพย์สินทางปัญญา ดิจิทัลเทรดและอีคอมเมิร์ซ ก่อนเดินหน้าเจรจารอบสุดท้าย 7 กันยายนนี้
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า การเจรจา FTA ไทย-EU ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญอันดับต้นของรัฐบาล เนื่องจาก EU เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนมหาศาลให้กับไทย และหากสามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในปี 2568 จะเป็นหมุดหมายสำคัญของการค้าระหว่างประเทศของไทย
"FTA ไทย-EU เดินหน้าไปไกลแล้ว เหลือเพียงประเด็นที่ต้องเร่งเจรจาให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว" นายจตุพรกล่าวและเน้นย้ำถึงความสำคัญของเวทีนี้ที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้สะท้อนความเห็นเป็นครั้งสุดท้าย โดยเฉพาะประเด็นที่ท้าทายและไม่เคยมีมาก่อน เช่น การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ พลังงานและวัตถุดิบ รวมถึงกติกาใหม่ในการค้าโลก ซึ่งต้องหาทางออกที่สมดุลที่สุด
นอกจากนี้ นายจตุพรยังเชื่อมโยงการเจรจา FTA กับสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิเศรษฐกิจ และความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม โดยยกตัวอย่างผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรอย่างชัดเจน และเน้นย้ำว่ารัฐบาลต้องเตรียมมาตรการรับมือควบคู่ไปกับการเจรจา FTA พร้อมทั้งมอบหมายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกเร่งหาตลาดใหม่ และผู้ประกอบการไทยต้องสร้างนวัตกรรมและดีไซน์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า
"การเจรจาครั้งนี้จะมีทั้งคนได้และคนเสีย แต่สิ่งสำคัญคือรัฐบาลต้องยึดผลประโยชน์ส่วนรวมและประชาชนเป็นหลัก" นายจตุพรย้ำ
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า FTA ไทย-EU เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง ซึ่งการจัดเวทีครั้งนี้จะทำให้เสียงของทุกฝ่ายถูกนำไปประกอบการเจรจาอย่างรอบด้าน เพื่อให้ประโยชน์ตกถึงประชาชนทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นายวีระพงษ์ ประภา ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า การเร่งเปิดตลาดใหม่โดยเฉพาะกับ EU เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่คาดหวังว่าจะช่วยเปิดประตูโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับไทยได้อย่างมหาศาล ท่ามกลางความผันผวนของการค้าโลก แต่ไทยต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับประเด็นที่ซับซ้อน เช่น การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ ทรัพย์สินทางปัญญา และกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ เช่น ดิจิทัลเทรดและอีคอมเมิร์ซ
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า ตลาด EU เป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก และหากการเจรจาสำเร็จตามเป้าหมาย จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยได้อย่างมหาศาล
นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการ ITD กล่าวว่า การมี FTA กับ EU จะช่วยลดหรือยกเลิกภาษีนำเข้า และยกระดับศักยภาพของไทยในการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่เชื่อถือได้บนเวทีโลก และเน้นย้ำว่า ITD จะทำหน้าที่เป็น Think Tank และเวทีกลางในการรวบรวมความเห็นเพื่อสนับสนุนการเจรจาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชนโดยรวม
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดเวทีเสวนาพิเศษในหัวข้อ "พลิกเกมเศรษฐกิจไทย: FTA ไทย-EU กับโอกาสเชิงยุทธศาสตร์" และ "การค้าอย่างเป็นธรรม สู่อนาคตที่ยั่งยืน: ข้อเสนอแนะจากเกษตรกร SMEs และภาคประชาสังคม" รวมถึงการประชุมกลุ่มย่อยในประเด็นสำคัญต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับการเจรจาฯ รอบที่ 7 ต่อไป