เปิดแผนเด็ด! ไล่เขมร ออกจาก บ้านหนองจาน สระแก้ว !! ก่อนสายเกินไป
อาจารย์อุ๋ย เสนอ กองทัพภาคที่ 1 จับมือ ตำรวจ ใช้ พ.ร.บ. คนเข้าเมือง ผลักดันชาวกัมพูชาบ้านหนองจาน- เร่งล้อมรั้วหลักเขต ป้องกันไทยเสียดินแดน !
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายระหว่างประเทศและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสเฟสบุ๊คแสดงความเห็นว่า “กรณีชุมชนชาวกัมพูชาตั้งถิ่นฐานบุกรุกดินแดนไทยบริเวณบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว และกองทัพภาคที่ 1 ได้ดำเนินการล้อมรั้วลวดหนาม แต่กลับล้อมไม่ถึงหลักเขตแดนของไทย บริเวณหลักเขตที่ 46 และ 47 นั้น ผมเสนอให้กองทัพภาคที่ 1 สนธิกำลังกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อบังคับใช้ พรบ. ตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ผลักดันชาวกัมพูชาบริเวณบ้านหนองจานกลับประเทศ เพราะถือเปนผู้ที่อยู่อาศัยในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายตามมาตรา 81 และไม่ถือเป็นผู้ลี้ภัย เพราะสงครามกลางเมืองในกัมพูชาสิ้นลุดลงนานแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2522
อีกทั้งประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีของ อนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ปี ค.ศ. 1951 จึงไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายที่ต้องรับผู้ลี้ภัย นอกจากนี้ การบังคับใช้ พรบ. คนเข้าเมือง โดยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เป็นการบังคับใช้กฎหมายภายในดินแดนของไทยเอง จึงสามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องรอคำสั่งหรือมติจากที่ประชุมใด ๆ ระหว่างประเทศ
ส่วนประเด็นที่กองทัพเกรงว่าหากใช้ความรุนแรงจะเกิดการบาดเจ็บสูญเสียและขัดหลักสากลนั้น ผมยืนยันว่าหากทำตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก โดยมีการแจ้งเตือน และใช้กำลังภายใต้หลักความเหมาะสมและได้สัดส่วน เช่น ใช้โล่หรือแก๊สน้ำตาผลักดัน และเขารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างโดยใช้เครื่องมือที่ไม่ใช่อาวุธ เช่น รถแบ๊คโฮ หรือรถแทร็กเตอร์ และหากเป็นไปตามกระแสข่าวที่ว่ามีทหารกัมพูชาปะปนมาอาศัยอยู่ในชุมชนด้วย กองทัพก็สามารถใช้กำลังอาวุธป้องกันอธิปไตยได้ทันทีตามมาตรา 51 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ ตามหลักความได้สัดส่วน
เพราะหากปล่อยไว้จนเวลาผ่านไปสิบถึงยี่สิบปี แม้จะมีหลักเขตไทยปักอยู่ แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฎว่ามีแต่ชาวกัมพูชา และสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะคงทนถาวรก็เป็นของชาวกัมพูชา และอาจมีทหารกัมพูชาปะปนอยู่โดยที่ทหารไทยไม่ทำการเข้าไปครอบครองแสดงสิทธิ ไทยอาจเสียดินแดนบริเวณบ้านหนองจานภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศในเรื่อง Prescription หรือการได้มาซึ่งสิทธิในดินแดนโดยการครอบครองอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยเป็นระยะเวลานาน โดยปราศจากการคัดค้านจากรัฐเจ้าของเดิม ซึ่งคล้ายคลึงกับหลักในเรื่องภาระจำยอมโดยอายุความและการครอบครองปรปักษ์ และการที่ทหารไปล้อมรั้วลวดหนามโดยไม่ล้อมให้ถึงหลักเขตของไทย ก็อาจถือเป็นการแสดงออกโดยปริยายว่า ยอมรับการครอบครองของชาวกัมพูชาแล้ว ทำให้ยิ่งเกิดความสุ่มเสี่ยงในการเสียดินแดนมากขึ้น
ผมจึงอยากเตือนให้กองทัพภาคที่ 1 ตระหนักถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ และดำเนินการผลักดันชาวกัมพูชาซึ่งถือเป็นคนต่างด้าวที่อาศัยในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย กลับประเทศกัมพูชาโดยเร็ว โดนร่วมมือกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเป็นผู้ถือกฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมือง โดยทันที เพราะเป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายภายใน ไม่เกี่ยวข้องกับ MOU หรือข้อตกลงใด ๆ ระหว่างประเทศ มิเช่นนั้นเราจะเสียเปรียบและเปิดช่องให้กัมพูชาอ้างสิทธิในพื้นที่บริเวณนี้ในเวทีระหว่างประเทศได้ในอนาคต ด้วยความปรารถนาดี"
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS