ดาวโจนส์ปิดบวก 135.60 จุด หลังคาดการณ์เฟดหั่นดอกเบี้ยเดือนหน้า
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (26 ส.ค.) เนื่องจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) ในเดือนหน้าเป็นปัจจัยพยุงตลาด
หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงในระหว่างวันจากข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศปลดลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด นอกจากนี้ ตลาดโดยรวมยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) และหุ้นอิไล ลิลลี (Eli Lilly)
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 45,418.07 จุด เพิ่มขึ้น 135.60 จุด หรือ +0.30%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,465.94 จุด เพิ่มขึ้น 26.62 จุด หรือ +0.41% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,544.27 จุด เพิ่มขึ้น 94.98 จุด หรือ +0.44%
ในช่วงแรก ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศปลดลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด หลังถูกกล่าวหาว่ากระทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ขณะที่แอ็บบี โลเวลล์ ทนายความของลิซา คุก ประกาศว่าจะยื่นฟ้องต่อศาล โดยระบุว่าปธน.ทรัมป์ไม่มีอำนาจสั่งปลดผู้ว่าการเฟด
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. โดยแม้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยที่น่ากังวล
แต่นักลงทุนและนักวิเคราะห์จากหลายสำนักซึ่งรวมถึงมอร์แกน สแตนลีย์ ต่างก็เชื่อว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. เมื่อพิจารณาจากการที่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินในระหว่างการประชุมที่เมืองแจ็กสันโฮล โดยระบุถึงความอ่อนแอของตลาดแรงงาน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)