‘บิ๊กกุ้ง’ลุยงานมวลชน

“พล.อ.ณัฐพล” ยันระเบิดแสวงเครื่องที่ตาควายเป็นเขมรซุกไว้ ลั่นถ้าเจอตอนวางให้กลับไปแต่วิญญาณแน่ ทัพเรือนำคณะ IOT ลงพื้นที่ชายแดนตราด บอกกองทัพพร้อมทำหน้าที่ไม่ว่าใครบริหารประเทศ “แม่ทัพกุ้ง” เดินสายบรรยายสถานการณ์ชายแดน ย้ำรั้วอยู่ชั่วกัลปาวสาน ใครแตะถือว่ารุกล้ำอธิปไตย เผยพร้อมจูบปากหากผู้นำกัมพูชาจริงใจ ระบุหลังเกษียณนั่งที่ปรึกษา ทบ. ทำหน้าที่บรรยายตามสถานศึกษา

เมื่อวันอังคารที่ 2 ก.ย.2568 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจพบระเบิดแสวงเครื่องแถวปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องจากลูกระเบิดปืน ค. และพิสูจน์ทราบแล้วว่าเป็นของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าทหารกัมพูชานำมาวาง และอย่างที่เคยพูดมาตลอดว่า แม้รัฐบาลกัมพูชาออกมาระบุว่าตั้งใจพูดคุยก็ตาม แต่ทหารกัมพูชากลับไม่มีวินัยและยั่วยุอยู่ตลอด

“ได้สั่งการไว้ 2 อย่างในขั้นนี้ โดยให้นำหลักฐานมาประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และให้พยายามลาดตระเวนเฝ้าตรวจ หากพบในช่วงที่เข้ามาวางระเบิดให้จัดการได้เลย อย่างที่เคยพูดเอาไว้ ถ้ามาวางไว้กลับไปก็กลับไปแต่วิญญาณก็แล้วกัน” พล.อ.ณัฐพลกล่าว

พล.อ.ณัฐพลกล่าวอีกว่า แม้สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่นิ่ง แต่ไม่ส่งผลกระทบกับชายแดน เนื่องจากมีพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ได้มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และแม่ทัพภาค มีอำนาจในการป้องกันอธิปไตย ป้องกันประเทศได้ และมีกฎการใช้กำลังของกระทรวงกลาโหมระบุไว้อย่างชัดเจน จึงขอประชาชนอย่ากังวลในเรื่องนี้

ด้าน พ.อ.ศิวะ หว่างอากาศ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นยุทธวิธีของทหารกัมพูชา ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2568 ที่ไทยตรวจพบทหารกัมพูชาดักซุ่มและพบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 รวม 3 ทุ่น พร้อมลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด 2 ลูก และขวากจำนวนมาก ถือเป็นการกระทำยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกัน ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงเจตนามุ่งทำร้ายทหารไทย อีกทั้งยังจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจในทุกคำมั่นที่ให้ไว้ต่อประชาคมโลก การกระทำเช่นนี้นับเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการมุ่งแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเพื่อที่จะนำมาซึ่งสันติภาพในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกยังคงปฏิบัติภารกิจลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บหลักฐานจากเหตุการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หลังจากสถานการณ์การปะทะชายแดนคลี่คลายลง และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ของทหารและตำรวจได้เข้าเคลียร์พื้นที่จนปลอดภัยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ได้เก็บหลักฐานในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และวัดไทยนิยมพัฒนาราม ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์

“การโจมตีต่อโบราณสถานและสถานที่ทางศาสนาดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เหล่านี้จะถูกส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ดำเนินการในเวทีระหว่างประเทศ เช่น การยื่นเรื่องต่อองค์กรเฉพาะทางอย่างยูเนสโก รวมถึงการแสวงหาความยุติธรรมผ่านกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ ไปจนถึงการใช้ช่องทางการทูตต่อไป”

กองทัพพร้อมร่วมมือ

ขณะเดียวกัน พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ พร้อมคณะ ได้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) และผู้ช่วยทูตทหาร 8 ประเทศ ลงพื้นที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อตรวจสอบหลักเขตที่ 73 รวมทั้งเขื่อนดินในฝั่งกัมพูชาที่ยื่นออกไปก่อนเดินทางไปฟังบรรยายสรุปสถานการณ์

พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ในฐานะหัวหน้า IOT กล่าวภายหลังว่า พอใจ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนสามารถกลับมาเปิดร้านค้าและดำเนินชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม

ทั้งนี้ พล.ร.ต.ปารัชกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองภายในประเทศว่า ฝ่ายทหาร ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบกหรือกองทัพเรือ เราพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ว่าใครจะมาบริหารประเทศ กองทัพก็พร้อมให้ความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งสามารถอยู่ร่วมกันและทำการค้าขายได้อย่างสงบสุข

วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บรรยายพิเศษแก่นักศึกษาปี 1 ภาควิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คณะศิลปศาสตร์ มธ. ตอนหนึ่งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ชอบใส่ชุดฝึก เพราะเป็นชุดที่น้องๆ เสียชีวิต มีน้องขาขาด ตาสองข้างบาดเจ็บ สิ่งเหล่านี้เพื่อที่จะสดุดีเขา คือถ้าใครมานั่งในตำแหน่งนี้ มีทหารบาดเจ็บ 666 นาย เสียชีวิต 18 นาย แม่ทัพต้องไปเยี่ยมทุกคน และไม่เคยเหนื่อยที่จะไปเยี่ยมพวกเขา เพราะสิ่งที่เขาเหนื่อยมากกว่าเราอีก เพราะวันนั้นทหารพูดอยู่ประโยคเดียวว่าพวกผมอยากได้แผ่นดินคืน

พล.ท.บุญสินยังเปรียบเทียบชายแดนไทย-กัมพูชากับชายแดนไทย-สปป.ลาว ว่าทุกวันนี้ที่มีปัญหา คนเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งคนใน สปป.ลาวให้เกียรติกันถึงไม่มีปัญหา ส่วนคนกัมพูชาคุยไม่รู้เรื่อง เอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เขาเอาทหารนำยิงเสร็จก็เจรจาไปฟ้องพี่ใหญ่ว่าเรารังแก มุกตื้นๆ ถ้าเราไม่ทันก็เป็นเบี้ยไปเรื่อยๆ จากนี้ไม่รู้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะเป็นอย่างไร หยุดยิงชั่วคราว การเจรจาก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร ดูแล้วทำอีกอย่าง ต้องติดตามตอนต่อไป

“บ่อนกาสิโน สแกมเมอร์ คนไทยเอาเงินไปให้ บางทีกลับมาหน้าตกฟกช้ำ เอารถเข้าไป ไม่ได้เอากลับมา เอาไปจำนำ มีคนไทยเอาเงินไปซื้ออาวุธเพื่อมายิงคนไทย และอีกปัจจัยเร่งให้เปิดด่าน เพราะรายได้ลด แต่การเปิดด่านเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุยกันดูเรื่อง แต่หากคุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องรีบเปิดด่าน มีบางคนไปเป็นสแกมเมอร์ ก็ไม่ได้กลับมา กลุ่มทุนเอาเงินไปให้ผู้นำ ปัญหากัมพูชาต้องคุยกับผู้นำกัมพูชาให้รู้เรื่อง ส่วนของคนไทยต้องคุยกันหลายคน เพราะเราเป็นประชาธิปไตย ยืนยันทหารไม่มีผลประโยชน์ ถ้าทำไม่ถูก กูก็ไม่ทำ ทหารตัดสินอะไรก็ต้องคุยผู้บังคับบัญชา เราไม่ใช่เผด็จการ 100%” พล.ท.บุญสินกล่าว

พล.ท.บุญสินยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์ภายในประเทศเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าเราต้องเอา แผ่นดินคืนมาด้วยชีวิตและเลือดเนื้อ เป็นผู้บังคับบัญชาต้องวิเคราะห์สถานการณ์ อย่าไปตายเอาดาบหน้า ก่อนรบจะเห็นแม่ทัพไปตรวจความพร้อมรบ บางคนบอกว่าแม่ทัพตรวจการรบ เอาหล่อ เอาเท่ แล้วแต่เขาจะคิด ยืนยันบัญชาการรบตลอดแนว

มทภ.2 พร้อมจูบปาก

“ทำอย่างไรให้ประชาชนทั้งสองประเทศกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีเหมือนเดิมนั้น เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว ผู้นำคิดยังไง อยากคืนดีกับเราด้วยความบริสุทธิ์ใจทำได้หมด สังคมคนในประเทศกัมพูชาเชื่อผู้นำ แม่ทัพกุ้งพร้อมจูบปากกับแม่ทัพกัมพูชา ถ้าผู้นำเขามีความตั้งใจจริง กัมพูชาอยู่ที่ผู้นำ ถ้าผู้นำบอกกัมพูชา-สยามไม่ทะเลาะชั่วกัลปาวสาน ให้แม่ทัพบุญสินกับแม่ทัพกัมพูชากอดกัน แล้วทำให้ประชาชนรักกัน แต่ทุกวันนี้เขาทำแบบนั้นหรือไม่ โพสต์ข้อความออกมามีแต่เสี้ยม ต้องใช้เวลา มีกาวใจ แต่เชื่อว่าไม่นานจะกลับมาเหมือนเดิม แต่ขึ้นอยู่กับผู้นำ” มทภ.2

พล.ท.บุญสินกล่าวอีกว่า การปลุกกระแสชาตินิยมขึ้นอยู่กับจิตใต้สำนึกของทั้งผู้นำสองประเทศ เราจะเอาประเด็นไหนมาสร้างกระแสชาตินิยม กัมพูชาก็โจมตีเราว่าใช้แก๊สพิษ เรารังแก ทำให้คนกัมพูชาเกลียดชังคนไทย ส่วนของไทยเราไม่ใช้วิธีนั้น แต่เรียกร้องด้วยความสามัคคี เป็นห้วงหนึ่งที่เราต้องกลับมาดูตัวเอง ดูคนไทยด้วยกัน ทหารรบหน้าแนวสูญเสีย ส่วนอีกซีกคนไทยทะเลาะกันได้อะไร คนไทยรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถึงเวลา ไทมิงได้ พี่น้องลุกฮือ ขอให้รักษาเรื่องนี้ เป็นส่วนหนึ่งต้องฉุกคิด เรื่องความเข้มแข็ง หากเราแตกสามัคคี เขากลั่นแกล้ง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ทหาร ต้องทำให้คนไทยเข้มแข็ง

ภายหลังการบรรยายบรรดาคณาจารย์และนักศึกษาต่างขอถ่ายรูปและเซลฟีกันอย่างเนืองแน่น ทั้งเป็นการถ่ายภาพรวมและเซลฟี

พล.ท.บุญสินยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าการนำหน่วยทหารองครักษ์ (BHQ) ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ว่าเป็นเรื่องปกติ เราก็ติดตามความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ เขาก็ติดตามความเคลื่อนไหวของเราเช่นกัน ซึ่งเราปฏิบัติตามเงื่อนไขการประชุมจีบีซีที่ผ่านมา ส่วนกัมพูชาก็อาจเป็นการมาเยี่ยมเยียนกำลังพลในพื้นที่ตามปกติ หรือเป็นการเพิ่มเติมกำลังพลในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย มองว่าเป็นการบริหารจัดการของทหารกัมพูชา

ยันรั้วอยู่ชั่วกัลปาวสาน

ถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้อยู่ประจำในแนวหน้ากับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่มาอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นเพราะใกล้เกษียณอายุราชการแล้วหรือไม่ พล.ท.บุญสินระบุว่า ตามข้อเท็จจริงในพื้นที่มีผู้บังคับบัญชาอยู่ตามระดับชั้น ซึ่งช่วงนี้เป็นการปรับสภาพเสริมกำลัง เสริมความมั่นคง และช่วงของการเจรจา จึงถือโอกาสมาพบปะพูดคุยกับลูกหลานน้องๆ ในสถานศึกษาที่อยากจะทราบสถานการณ์ชายแดน มาพบปะพูดคุยเพื่อทำให้คนไทยมีความรักและสามัคคีกัน แต่ถ้ามีการรบ เราก็ไม่ทิ้งอยู่แล้ว

ต่อมา ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ท.บุญสินกล่าวตอนหนึ่งถึงการวางตามรั้วลวดหนามว่า ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ด้วย โดย จ.สระแก้ว บ้านหนองจาน พื้นที่ในความรับผิดชอบของกองทัพหน้าที่ 1 การวางรั้วลวดหนามตามแผนที่ 1:50,000 เราให้เขาอยู่มานานยุคเขมรแดง ไม่ทวงกันตั้งแต่แรก ในเวลานี้เขาอยู่ในแผ่นดินไทย ถือเป็นวิธีการปฏิบัติกองทัพที่อยู่หน้างานตรงนั้นว่าจะดำเนินการอย่างไร ปัจจุบันมีการวางรั้วลวดหนามประกาศอาณาเขต การรื้อรั้วลวดหนาม เท่ากับรื้ออาณาเขตไทย

“พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 มีพื้นที่เช่นนี้ที่ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธม วางรั้วลวดหนามไว้ทั้งหมด หากมาแตะรั้วผม ต้องทำใจ ผมถือว่าแตะอธิปไตยไทย ถ้าอยากรู้ว่าจะทำอย่างไร ก็ลองมาแตะดู และยืนยันรั้วพื้นที่ ทภ.2 อยู่ชั่วกัลปาวสาน สำหรับปราสาทตาเมือนธม ปิดตาย รั้วลาดหนามขึงแล้วขึงเลยไม่เอาออก จะขึ้นมาต้องใช้วีซ่า ใช้พาสปอร์ต” พล.ท.บุญสินกล่าว และว่า ไม่ขอไม่วิจารณ์เรื่องในอดีต น่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีต่อการที่หยวนๆ และเป็นนโยบายตามห้วงเวลา และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

พล.ท.บุญสินยังกล่าวว่า หลังเกษียณได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. มีหน้าที่เดินสายพบปะประชาชนน้องๆ สถานศึกษา ทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง จงรักภักดีต่อแผ่นดิน หานักการเมืองที่พวกเรามุ่งหวัง ต้องการนักการเมืองซื่อสัตย์สุจริต มองผลประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ทุกอย่างเราเลือกกันเองทำกันเอง

“เกษียณก็ทำหน้าที่นี้ต่อไป ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่จะพูดให้บ้านเมืองมีความเข้มแข็ง ซื่อสัตย์สุจริต ทำในเกิดสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม จากนี้ไปประเทศชาติน่าจะดีขึ้น ทหารไม่มีอะไรอยู่แล้ว การเมืองว่ากันไปตามระบบ 3-4 เดือนก็ว่ากันไป”.