จาก Gadget สู่บิวตี้เทค 'Dyson Omega' เซรั่มสุดล้ำที่เกิดจากฟาร์ม
เมื่อพูดถึงชื่อ Dyson ภาพในหัวของทุกคนคงหนีไม่พ้นไดร์เป่าผมปฏิวัติวงการ พัดลมไร้ใบพัดสุดล้ำ หรือเครื่องดูดฝุ่นพลังไซโคลนที่เปลี่ยนโลกของการทำความสะอาดไปตลอดกาล
แต่ถ้าจะบอกว่า วันนี้ Dyson กำลังก้าวข้ามพรมแดนของวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ไปสู่โลกของการเกษตรกรรมเพื่อสร้างสรรค์เซรั่มบำรุงผม หลายคนคงจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว กับการเปิดตัว Dyson Omega™ Nourishing Range กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่เชื่อมสองโลกที่ดูเหมือนจะแตกต่างกันอย่างสุดขั้วให้มาบรรจบกันได้
เมื่อวิศวกรรมสุดล้ำโคจรมาพบกับการเกษตร
เบื้องหลังการพลิกโฉมครั้งนี้คือการลงทุนและวิจัยที่ยาวนานกว่าทศวรรษ Dyson ไม่ได้เพิ่งกระโดดเข้ามาในสมรภูมินี้ แต่พวกเขาได้ซุ่มศึกษา 'วิทยาศาสตร์ของเส้นผม' มานานกว่า 12 ปี ควบคู่ไปกับการทุ่มเทให้แก่ Dyson Farming มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรกว่า 13 ปี เข้ากับงานวิจัยด้านเส้นผม
แนวคิด "จากฟาร์มสู่ขวดบรรจุภัณฑ์" (Farm to bottle) จึงไม่ใช่แค่คำโฆษณาสวยหรู แต่เป็นปรัชญาที่ Dyson ยึดมั่นอย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาผมแห้งเสียด้วยพลังจากธรรมชาติ ดังที่ Sir James Dyson ผู้ก่อตั้งได้กล่าวไว้ว่า "Omega™ คือผลิตภัณฑ์แรกของ Dyson ที่ใช้ส่วนผสมหลักจากพืชผลที่ปลูกบนฟาร์ม Dyson…เรามุ่งมั่นพัฒนาแนวทางใหม่ๆ เพื่อยกระดับสุขภาพเส้นผม ด้วยการผสานนวัตกรรม เทคโนโลยี และศาสตร์แห่งส่วนผสมจากธรรมชาติ"
หัวใจหลัก…ดอกทานตะวันบนพื้นที่ 20,000 สนามฟุตบอล
หัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้คือน้ำมันดอกทานตะวันที่เก็บเกี่ยวจากฟาร์มของ Dyson เองในเมืองลินคอล์นเชอร์ สหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงฟาร์มธรรมดา แต่เป็นหนึ่งในธุรกิจเกษตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยพื้นที่เพาะปลูกกว่า 36,000 เอเคอร์ หรือเทียบเท่าขนาดสนามฟุตบอลประมาณ 20,000 แห่ง Dyson Farming ได้ทดลองปลูกดอกทานตะวันกว่า 60 สายพันธุ์ เพื่อคัดเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุดที่อุดมด้วยเซราไมด์จากธรรมชาติ
เหตุผลที่เลือกดอกทานตะวันไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่เป็นเพราะคุณสมบัติทางเคมีอันเป็นเอกลักษณ์ น้ำมันที่ได้อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นอย่างโอเมก้า 6 และ 9 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผมอย่างล้ำลึก ช่วยให้เกล็ดผมเรียบลื่น และลดปัญหาผมชี้ฟู ด้วยโครงสร้างโมเลกุลที่มีน้ำหนักเบา ทำให้ซึมซาบเข้าสู่แกนผมได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้
ถอดรหัส Dyson Oli7™ Blend และ 2 ผลิตภัณฑ์เรือธง
Dyson ได้นำน้ำมันดอกทานตะวันจากฟาร์มของตนเองมาผสานกับน้ำมันจากพืชที่คัดสรรมาอย่างดีอีก 6 ชนิด ได้แก่ น้ำมันมะกอก, น้ำมันอาบิสซิเนียน, น้ำมันข้าวโพด, น้ำมันอะโวคาโด, น้ำมันงา และน้ำมันแมคคาเดเมีย จนเกิดเป็นสูตรเฉพาะที่เรียกว่า Dyson Oli7™ Blend ซึ่งเป็นหัวใจของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Dyson Omega™ ทั้ง 2 ชนิด
ผลิตภัณฑ์ตัวแรกคือ Hydrating Hair Oil ออยล์บำรุงผมสูตรเข้มข้นที่ปราศจากซิลิโคน ออกแบบมาเพื่อฟื้นบำรุงผมแห้งเปราะบางให้กลับมานุ่มลื่น จัดทรงง่าย พร้อมสร้างเกราะปกป้องความร้อนและความชุ่มชื้นให้เส้นผม
ส่วนอีกตัวคือ Leave-in Conditioning Spray สเปรย์คอนดิชันนิ่งแบบไม่ต้องล้างออกที่มาพร้อมคุณสมบัติ 8-in-1 ช่วยทั้งบำรุงให้ผมแข็งแรง ลดการพันกัน ลดผมชี้ฟู เพิ่มความเรียบลื่น และยังช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนและรังสี UV
ประสบการณ์ระดับ Dyson
ขึ้นชื่อว่า Dyson ประสบการณ์ของผู้ใช้ย่อมต้องเหนือระดับ นอกจากประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์แล้ว Dyson ยังใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่กลิ่นหอมอันซับซ้อนที่รังสรรค์จากโน้ต 8 ชนิด ตั้งแต่ความสดชื่นของซิตรัสและชาเขียว ไปจนถึงความหรูหราของมะลิและกุหลาบ ตบท้ายด้วยเบสโน้ตอันลุ่มลึกของมัสก์และไม้ซีดาร์
ในด้านบรรจุภัณฑ์ก็สะท้อน DNA ของวิศวกรรมได้อย่างชัดเจน ขวดของ Hydrating Hair Oil ทำจากแก้วที่มีน้ำหนักและแข็งแรง ซึ่งผ่านการทดสอบมาถึง 112 ดีไซน์ เพื่อให้มั่นคง ลดโอกาสการหกหล่น และมีฝาปิดที่ออกแบบพิเศษให้จับถนัดมือแม้จะเปื้อนน้ำมัน ขณะที่ขวดสเปรย์ก็ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เปลี่ยนเนื้อครีมเจลเข้มข้นให้กลายเป็นละอองบางเบาที่กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อฉีดพ่น
แม้ว่าปัจจุบัน Dyson Omega™ Nourishing Range จะยังวางจำหน่ายเฉพาะในบางประเทศ แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็นับเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมความงาม ที่เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และธรรมชาติหลอมรวมกันเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและน่าทึ่ง