Polestar 3 รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย วิ่งได้ 581 ไมล์ (936 กม.) ทุบสถิติรถ SUV ไฟฟ้าที่วิ่งไกลที่สุด

เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • ทีมข่าวสยามคาร์

Polestar 3 รุ่น Long Range ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Polestar ใช้แบตเตอรี่ขนาด 107kWh และมอเตอร์เดี่ยวที่ล้อหลัง ขนาด 295 แรงม้า สามารถวิ่งได้ระยะทางรวม 581.3 ไมล์ (ประมาณ 936 กม.) ในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศอังกฤษ ซึ่งสูงกว่าระยะทางที่ระบุไว้ตามมาตรฐานอย่างเป็นทางการที่ 438 ไมล์ (705 กม.) และยังทำลายสถิติเดิมที่ Ford Mustang Mach-E เคยทำไว้ที่ 569.64 ไมล์

ระยะทางที่รถทำได้นี้เทียบเท่ากับอัตราการใช้พลังงาน 19.5 kWh ต่อ 100 ไมล์ หรือ 5.13 mpkWh ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับอัตราการใช้พลังงานตามมาตรฐาน WLTP ของรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กบางรุ่นที่มีน้ำหนักเพียง 2 ใน 3 ของ Polestar 3 ที่มีน้ำหนัก 2.4 ตัน

ทาง Polestar เปิดเผยว่า รถยังคงวิ่งต่อไปได้อีก 8 ไมล์ (13 กม.) จนถึงสถานีชาร์จ หลังจากหน้าจอแสดงผลแบตเตอรี่เหลือ 0% ซึ่งหมายความว่ารถอาจวิ่งได้ไกลกว่านี้อีกเล็กน้อย

สิ่งสำคัญคือ รถที่ใช้ในการทดสอบนี้ ไม่ได้มีการดัดแปลงใด ๆ เลย และใช้ยาง Michelin Sport 4 EV มาตรฐานจากโรงงาน การทดสอบยังดำเนินการบนถนนสาธารณะตามสภาพจริง ทั้งถนนเลนเดียว ถนนสองเลน และถนนรองทั่วไป

การสร้างสถิตินี้มีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ Chevrolet เปิดตัวรถกระบะ Silverado EV ซึ่งสามารถวิ่งได้ถึง 1,060 ไมล์ด้วยการชาร์จครั้งเดียว แต่การทดสอบของ Chevrolet มีการปรับแต่งรถเล็กน้อยและใช้เวลาถึง 7 วันจึงจะเสร็จสิ้น

นอกจากนี้ ชุดแบตเตอรี่ของ Chevrolet ยังมีขนาดใหญ่กว่าของ Polestar เกือบ 2 เท่า คือ 205k Wh และมีอัตราการใช้พลังงานเฉลี่ยที่ 4.9 mpkWh ซึ่งน้อยกว่าของ Polestar ที่ 5.1 mpkWh

สำหรับสถิติระยะทางวิ่งสูงสุดของรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้รับการดัดแปลง ซึ่งได้รับการรับรองโดย Guinness World Records เป็นของรถ Lucid Air อย่างไรก็ตาม Sam Clarke หนึ่งในสามคนขับที่ร่วมการทดสอบครั้งนี้กล่าวว่า การทดสอบของ Polestar มีเงื่อนไขที่สะท้อนการขับขี่ในชีวิตจริงมากกว่า จึงมีความเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคมากกว่า

ข้อกำหนดดังกล่าวถือเป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่ทำให้การหลีกเลี่ยงถนนที่ใช้ไปแล้วบนพื้นที่ราบเพื่อให้วิ่งได้ระยะทงสูงสุดเป็นเรื่องยากขึ้น แต่ยังหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงเส้นทางอย่างกะทันหันอาจทำให้โอกาสในการทำสถิติของทีมพังทลายลงได้

Clarke เล่าประสบการณ์การเดินทางว่า “เรามีสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งหนึ่ง ตอนที่เราไปถึง Melton Mowbray ในช่วงท้ายของการวิ่ง ปรากฏว่าจะมีงานแข่งจักรยานในวันถัดไป ทำให้ถนนหลายสายถูกปิด ทุกครั้งที่เราพยายามเปลี่ยนทิศทาง เราก็เจอกับถนนที่ปิดอีกครั้งแล้วครั้งเล่า” โชคดีที่คนนำทางมีไหวพริบ สามารถหาเส้นทางเบี่ยงได้ทัน ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อระยะทางที่เหลือมากนัก

Clarke กล่าวว่า สถิติการเดินทางนี้มีความเกี่ยวข้องมากกว่าสถิติระยะทางวิ่งสูงสุด เพราะ “มันใกล้เคียงกับโลกแห่งความเป็นจริงมากที่สุด บนถนนจริง ด้วยความเร็วที่เหมาะสม”

เขาเสริมว่า “เราไม่ได้จะบอกว่าทุกคนจะสามารถทำระยะทางได้เท่ากับที่เราทำ แต่เราทำระยะทางได้เกินกว่าค่า WLTP อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ การขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งก็คือการเหยียบคันเร่งน้อยลงเพียงไม่กี่มิลลิเมตรในแต่ละครั้ง สามารถสร้างระยะทางได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

Clarke อธิบายว่า ตัวเลขเช่นนี้แม้จะไม่สามารถทำได้ในการขับขี่ประจำวัน แต่ก็ช่วยแสดงให้เห็นว่า “รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันสามารถวิ่งไปได้ไกลจริง ๆ” และ “ความกังวลเรื่องระยะทางที่เคยเป็นปัญหาในอุตสาหกรรมมาหลายปีก็ลดลงอย่างรวดเร็ว”

Clarke ซึ่งเคยเข้าร่วมการทดสอบสร้างสถิติรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วหลายครั้ง (รวมถึงการทดสอบของ Mustang Mach-E เมื่อปีที่แล้ว) กล่าวว่า แนวคิดเรื่องความกังวลเรื่องระยะทางกำลังจะหมดไปอย่างแน่นอน แต่ โครงสร้างพื้นฐานยังคงต้องพัฒนาต่อไป ควบคู่ไปกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในตัวรถ

ที่มา autocar