โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ยานยนต์

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

autoinfo.co.th

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Mercedes-Benz เตรียมเผยโฉม CLA

Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) จัดงาน Class of Its Own. “The New CLA Designer Talk” เตรียมเผยโฉม CLA 250+ with EQ Technology ครั้งแรกในงาน Motor Expo พร้อมส่งท้ายไลน์อัพ Mercedes-EQ (เมร์เซเดส-อีคิว) ด้วยแคมเปญ “Defining Electric”

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ จัดงาน Class of Its Own. “The New CLA Designer Talk” ดึงตัว Dennis Brings ดีไซจ์เนอร์ระดับโลกจาก Mercedes-Benz Design มาร่วมเผยแรงบันดาลใจ และแนวคิดการออกแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % เจเนอเรชันล่าสุด “The New CLA” (ซีแอลเอ) ใหม่ ก่อนที่จะนำรุ่น CLA 250+ with EQ Technology มาจัดแสดงในประเทศไทยครั้งแรกที่งาน Motor Expo 2025

The New CLA มาพร้อมพแลทฟอร์ม MMA (Mercedes-Benz Modular Architecture) ที่เน้นความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพการผลิต ให้สามารถเข้ากับรถยนต์ทุกระบบขับเคลื่อน ทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด และรถยนต์สันดาปภายใน สอดคล้องกับการปรับกลยุทธ์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จากเดิมที่ใช้ซับแบรนด์ Mercedes-EQ จะถูกเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz ทั้งหมด โดยรถยนต์ทุกรุ่นที่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % จะใช้ชื่อรุ่นตามด้วย “with EQ Technology” ส่วนรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริดจะตามด้วย “with EQ Hybrid Technology”

มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ ได้มีการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ โดยเริ่มต้นด้วยการนำรุ่นฟแลกชิพในเซกเมนท์ Top-End Luxury อย่าง EQS (อีคิวเอส) มาเปิดตัวครั้งแรกในปี 2565 ทั้งรุ่นนำเข้า และรุ่นประกอบในประเทศ เพื่อทำให้คนไทยได้สัมผัสกับขั้นสุดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับโลกจาก Mercedes-Benz ก่อนที่ในปี 2566-2567 จะเริ่มเปิดตัวรถยนต์ในเซกเมนท์ Entry Luxury อย่าง EQB 250 (อีคิวบี 250) ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนไปถึงการเปิดตัว EQE 350 4Matic SUV (อีคิวอี 350 4 เมทิค เอสยูวี), EQE 53 4Matic+ (อีคิวอี 53 4 เมทิค พลัส), EQE 300 (อีคิวอี 300) และ EQS 450 4Matic SUV (อีคิวเอส 450 4 เมทิค เอสยูวี) ตามลำดับ ซึ่งจากระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน Mercedes-Benz มีความเข้าใจในโจทย์ และความพร้อมของผู้บริโภคชาวไทยสำหรับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นอย่างดี

โดยกลยุทธ์ด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % ต่อจากนี้ หลังจากการเปลี่ยนผ่านของยุค Mercedes-EQ ทาง Mercedes-Benz คาดหวังให้ The New CLA เป็นโมเดลสำคัญที่จะเข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยที่มองหารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % ในเซกเมนท์ที่จับต้องได้ โดย CLA 250+ with EQ Technology จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทยด้วยพแลทฟอร์ม MMA ที่ทำให้กระบวนการผลิตรถยนต์ของทุกระบบขับเคลื่อนมีความยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อการกำหนดโครงสร้างราคาของรถยนต์ Mercedes-Benz ที่จะเปิดตัวในอนาคต

ภายในงาน Class of Its Own. “The New CLA Designer Talk” เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ ได้รับเกียรติจาก Dennis Brings Senior Designer จากสตูดิโอ Mercedes-Benz Design ในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานในแผนก “Lights & Parts” โดย Dennis Brings ได้พูดถึงแนวคิดการออกแบบ และองค์ประกอบสำคัญของ The New CLA ไว้ดังนี้

• ออกแบบภายใต้แนวคิด “Sensual Purity” ดีเอนเอของแบรนด์ที่สะท้อน Iconic สไตล์อันหรูหรา และเรียบง่าย แต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความโดดเด่นที่สะกดทุกสายตา

• นำเสนอสัญลักษณ์ดวงดาวของแบรนด์ให้เข้ากับองค์ประกอบต่างๆ ของตัวรถ อาทิ กระจังหน้า Starpanel ในรูปแบบไฟแอนิเมชัน โคมไฟหน้าติดตั้ง Daytime Running Light รูปทรง Star Shaped และไฟท้าย Digital Jewelry ที่ผสานเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ออกมาเป็นรายละเอียดของอัญมณีที่ลงตัว

• ดีไซจ์นภายในของ The New CLA ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนหินญี่ปุ่น หรือ “Zen Garden” สะท้อนศิลปะแห่งการลดทอน และคงไว้เฉพาะสิ่งที่เป็นแก่นแท้ เหลือไว้เพียงส่วนประกอบที่เป็นหัวใจของวิศวกรรมยานยนต์ เช่น การใช้วัสดุกระจกบนจอกลาง MBUX Superscreen วัสดุโลหะบนคอนโซลกลาง และวัสดุหนังบนแผงบุนุ่มบริเวณข้างประตู

CLA 250+ with EQ Technology จะเป็นก้าวสำคัญของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ ในการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % ที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ ทั้งในด้านสมรรถนะอันทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวทันเมตร รวมถึงการติดตั้งแบทเตอรี 800 โวลท์ ขนาด 85 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ให้ระยะทางการขับขี่สูงสุด 792 กม./การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP และมีประสิทธิภาพการชาร์จที่รองรับ DC Charge สูงสุด 320 กิโลวัตต์ โดยการชาร์จเพียง 10 นาที ด้วยกระแสไฟเต็มกำลัง จะสามารถขับขี่ได้ไกลถึง 325 กม. นอกจากนี้ The New CLA ยังถือเป็นรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดของ Mercedes-Benz ด้วยการติดตั้งระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่ผสานการทำงานของเทคโนโลยี AI ด้วยระบบ MBUX Virtual Assistance ที่ร่วมมือกับ Google นอกจากนี้ ยังเชื่อมต่อเข้ากับแอพพลิเคชันระดับโลกมากมาย อาทิ ChatGPT, Gemini, Google Maps, Microsoft Teams, Webex, Zoom ฯลฯ

………………………………………………………………………………………………………….

Zeekr ประกาศราคา

Zeekr ประเทศไทย ประกาศราคาวางจำหน่าย Zeekr 7X (ซีเคอร์ 7 เอกซ์) มอบประสบการณ์การเดินทางของผู้ขับขี่ยุคใหม่ด้วยการผสานความหรูหราเหนือระดับเข้ากับเทคโนโลยีนิวเทคอย่างไร้ขีดจำกัด ภายใต้แนวคิด “Indulge Every Journey” ราคาเริ่มต้นที่ 1,399,000 ล้านบาท อย่างเป็นทางการ

อเลกซ์ เป่า กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า Zeekr 7X ถือเป็นยานยนต์อัจฉริยะรุ่นล่าสุดในเซกเมนท์เอสยูวี ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของสมรรถนะ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถ ความสง่างาม และช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ในภาพรวมของ Zeekr 7X ถือเป็นการอัพสกิลล์สมรรถนะของรถให้ตอบสนองความต้องการให้ครอบคลุมในทุกมิติ ที่หมายรวมไปถึง ความพิถีพิถันในการเลือกวัสดุประเภทต่างๆ เพื่อประกอบเป็นโครงสร้างของตัวรถที่มีมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ผสานนวัตกรรมอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารทุกคนมั่นใจในทุกครั้งของการเดินทาง และ Zeekr จะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเป็นแบรนด์รถยนต์ EV ที่ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มีความสุข และเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีอย่างลงตัว

Zeekr 7X นำเสนอรุ่นย่อยทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้

• Zeekr 7X Standard RWD ราคา 1,399,000 บาท

• Zeekr 7X Long Range RWD ราคา 1,599,000 บาท

• Zeekr 7X Performance AWD ราคา 1,799,000 บาท

และมี 4 โทนสีรถภายนอก ได้แก่

• สีขาว Crystal White พร้อมสีภายในสีดำ

• สีดำ Onyx Black พร้อมสีภายในสีดำ

• สีเทา Tech Grey พร้อมสีภายในสีม่วง-ขาว

• สีเขียว Forest Green พร้อมสีภายในสีม่วง-ขาว

*รุ่น Zeekr 7X Standard RWD มีเฉพาะภายในสีดำ

ข้อเสนอพิเศษสำหรับการออกรถ Zeekr 7X ตั้งแต่วันที่ 15-31 สิงหาคม 2568 มีดังนี้

• ฟรี Wallbox ขนาด 7 กิโลวัตต์ พร้อมแพคเกจติดตั้ง*

• ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นาน 1 ปี พร้อม พรบ. คุ้มครองนาน 1 ปี*

• ฟรี ค่าจดทะเบียนรถยนต์*

• บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชม. เป็นระยะเวลา 5 ปี*

• การรับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*

• การรับประกันมอเตอร์ และแบทเตอรีแรงดันสูง 8 ปี หรือ 180,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*

• ฟรี ! บัตรกำนัล (Zeekr Voucher) สำหรับแลกซื้อสินค้า หรือการบริการของ Zeekr มูลค่ารวม 20,000 บาท*

*เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

……………………………………………………………………………………………………….

BYD ประกาศราคา Seal 5 DM-I Super Hybrid

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่าย และให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานใหม่ BYD (บีวายดี) และ Denza (เดนซา) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจ Rever จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว BYD Seal 5 DM-I Super Hybrid (บีวายดี ซีล 5 ดีเอม-ไอ ซูเพอร์ ไฮบริด) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด (PHEV) เท่านั้น แต่ยังเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการผลิต BYD Seal 5 DM-I Super Hybrid รุ่นพวงมาลัยขวา ขึ้นที่โรงงาน BYD Auto ประเทศไทยอีกด้วย

หยู่ปิน เคอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การนำ BYD Seal 5 DM-I Super Hybrid รุ่นพวงมาลัยขวา มาประกอบที่โรงงานผลิตรถยนต์ BYD ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม WHA จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นที่ 4 ของ BYD ที่ผลิตในประเทศไทย คือ หลักฐานที่ยืนยันว่า BYD เล็งเห็นศักยภาพในเรื่องของฝีมือการผลิตรถยนต์ระดับแนวหน้าของโลก และให้ความสำคัญในการลงทุนเริ่มสายการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ในประเทศไทย แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานใหม่ ให้แก่รถยนต์ซีดานขนาดกลางในไทย ด้วยการนำขุมพลัง DM-I Super Hybrid ซึ่งเป็นขุมพลัง PHEV มาใช้ในรถยนต์กลุ่มนี้เป็นรายแรก

ประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Rever กล่าวว่า Rever มั่นใจในศักยภาพของ BYD Seal 5 DM-I Super Hybrid ทั้งในแง่ของสมรรถนะประสิทธิภาพของการใช้เชื้อเพลิง และความทนทาน เนื่องจากขุมพลัง DM-I Super Hybrid ได้ผ่านการพิสูจน์ และเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก ทั้งยังผ่านการทดสอบโดยสื่อมวลชนชั้นนำของไทยกว่าร้อยชีวิต ซึ่งต่างให้การยอมรับถึงนวัตกรรมนี้เป็นเสียงเดียวกัน ทั้งยังมีตัวถังขนาดใหญ่สุดในกลุ่ม ห้องโดยสารสะดวกสบายพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน

ประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Rever กล่าวว่า ขุมพลัง DM-I Super Hybrid ใน BYD Seal 5 DM-I Super Hybrid ผ่านการทดสอบแล้วว่า ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลักจริง ภายใต้สภาวะการขับขี่ใช้งานจริงบนท้องถนนของประเทศไทย ทั้งยังสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของ Rever ที่นำยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานใหม่ มาให้ชาวไทยได้สัมผัส ไม่ใช่เพียงเพื่อการเป็นผู้นำของวงการ แต่ยังสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

BYD Seal 5 DM-I Super Hybrid รุ่น Premium มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ประกอบด้วย สีขาว Arctic White, สีดำ Quantum Black และสีเทา Harbour Grey** พร้อมมี 2 รุ่นย่อย ให้เลือกระหว่างรุ่น Standard ซึ่งพร้อมเริ่มส่งมอบภายในปีหน้า และรุ่น Premium ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท ซึ่งพร้อมส่งมอบทันที

………………………………………………………………………………………………………….

MG ปรับรุ่นย่อย S5 EV รุ่น D+ ชูคุ้มราคา

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์ MG (เอมจี) ในประเทศไทย ปรับรุ่นย่อยใหม่ให้แก่รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ (B-SUV) ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ที่เน้นความคุ้มค่า กับ New MG S5 EV D+ (เอมจี เอส 5 อีวี ดี พลัส) ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ และมาตรฐานความปลอดภัยที่จำเป็น สร้างมาตรฐานใหม่ของ “ความคุ้มค่า” ที่ทุกคนเข้าถึงได้ พร้อมความมั่นใจกับการรับประกันแบทเตอรีแรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Warranty) รองรับทุกจังหวะของการเดินทางในทุกเส้นทางได้อย่างลงตัว ด้วยราคาพิเศษเพียง 699,900 บาท

พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า MG ยุคใหม่มีการปรับเปลี่ยนรุ่นย่อยให้ตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าต้องการ เรารับฟังเสียงจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ต้องการรถคันใหญ่ ในราคาที่คุ้มค่า New MG S5 EV D+ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างการปรับรุ่นย่อยที่เติมความต้องการในด้านพลังขับเคลื่อน และความสะดวกสบาย และยังสะท้อนความมุ่งมั่นของ MG ในการสร้างมาตรฐานใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าในตลาดประเทศไทย โดยยอดส่งมอบ New MG S5 EV ตั้งแต่เปิดตัวจนถึงปัจจุบันกว่า 1,500 คัน ถือเป็นเครื่องตอกย้ำการเป็น “อีวีมหาชน” ที่ครบทุกมิติ และสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง MG ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งเสริมความปลอดภัยขั้นสูงสุด พร้อมทั้งนำเสนอความคุ้มค่าที่น่าประทับใจ เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ครบถ้วนทุกด้าน ในราคาที่สมเหตุสมผล และเข้าถึงได้ง่าย

New MG S5 EV คือ ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่ถูกพัฒนาอย่างรอบด้านบนพแลทฟอร์ม Nebula Pure Electric Platform ที่ล้ำสมัย เพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่อย่างเต็มประสิทธิภาพ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง โดยรุ่น V ให้กำลังสูงสุดถึง 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 350 นิวทันเมตร สำหรับรุ่น D+ และ X ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า (125 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 250 นิวทันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบ ขับเคลื่อนล้อหลัง (Rear-Wheel Drive) ผสานกับช่วงล่างแบบ 5-Link Suspension ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบการควบคุมที่แม่นยำ นุ่มนวล และมีเสถียรภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นทางตรง หรือโค้งแคบ ก็พร้อมให้ความมั่นใจในทุกจังหวะของการขับขี่ ทั้งยังเสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบ One Pedal ที่ช่วยควบคุมความเร็วได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น New MG S5 EV ยังได้รับการรับรองความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด และได้รับการยอมรับมากที่สุดในยุโรป ด้วยจุดเด่น “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty” ทำให้ New MG S5 EV กลายเป็น E-SUV ขวัญใจมหาชนที่ตอบโจทย์ครบทุกด้าน ทั้งสมรรถนะ การใช้งาน และความคุ้มค่า เสริมความมั่นใจด้วยการรับประกันแบทเตอรีแรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งถือเป็นอีกคำมั่นจาก MG ในการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องทั้งก่อน และหลังการขาย เพื่อส่งมอบ “ความมั่นใจ” ที่มาพร้อม “ความคุ้มค่า” ในรถคันเดียวอย่างแท้จริง

ปรับรุ่นย่อยที่ลงตัว ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ ใส่ใจความคุ้มค่า

New MG S5 EV D+ ถูกรังสรรค์ขึ้นจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่ ที่ต้องการพาหนะที่สร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำในทุกกิจกรรม รุ่นย่อย D+ จึงมาพร้อมกับการออกแบบที่ลงตัว ไม่มากไปไม่น้อยไป แต่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในทุกด้าน ทั้งดีไซจ์นภายนอก และภายใน ชูจุดเด่นของการเป็นรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่มองหายานยนต์ที่มีคุณภาพ ในงบประมาณที่เข้าถึงได้ New MG S5 EV D+ มาพร้อมล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว เสริมความดุดัน และล้ำสมัย

ภายในห้องโดยสารใหญ่โต และสะดวกสบาย

New MG S5 EV D+ ห้องโดยสารกว้างใหญ่สัมภาระด้านท้ายจุของได้เยอะ พร้อมการตบแต่งที่เน้นความเรียบง่าย พร้อมพวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันหุ้มหนังแท้ ปรับได้ 4 ทิศทาง มอบสัมผัสที่นุ่มนวลพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และโทรศัพท์ที่ปลายนิ้ว เพื่อให้ทุกการขับขี่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ผสานความทันสมัยของเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่

รายละเอียดที่ครบถ้วน…ความสมบูรณ์แบบของความสบายในทุกมิติ

ให้ทุกการขับขี่ราบรื่นไร้กังวล ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางเพื่อรองรับสรีระอย่างสมบูรณ์แบบทุกองศา พร้อมด้วยระบบเสียงรอบทิศทางจากลำโพง 4 จุด ช่วยเติมเต็มการเดินทางให้มีสีสัน กล้องมองหลัง (Rear View Camera) และระบบเตือนการชนด้านหลัง (Rear Collision Warning) เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นในทุกเส้นทาง

New MG S5 EV D+ จัดจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 699,900 บาท จากราคาปกติ 749,900 บาท พร้อมส่งมอบภายในเดือนกันยายน 2568 เป็นต้นไป

ข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้-30 กันยายน 2568

ราคาพิเศษ 699,900 บาท จากราคาปกติ 749,900 บาท
ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.99 % ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 48 เดือน
ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. นาน 1 ปี มูลค่า 19,900 บาท
ฟรี ค่าจดทะเบียน และกรอบป้ายทะเบียน และชุดพรมปูพื้น มูลค่า 7,500 บาท
ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนนาน 5 ปี มูลค่า 7,500 บาท
รับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 140,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
รับประกันแบทเตอรีแรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน

………………………………………………………………………………………………………….

Yamaha เปิดตัว PG-1

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดตัว “New Yamaha PG-1” Everyday Playful มันส์ทุกเดย์…เท่ทุกทาง พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ภายใต้แนวคิด “Feel The Unique Experience-สุดทุกทาง ต่างทุกฟีล” ที่สะท้อนถึงปรัชญาของยามาฮ่าในการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่พร้อมสนุกไปกับคุณในทุกสภาพเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนในเมือง หรือเส้นทางที่ท้าทาย อย่างแท้จริง !

New Yamaha PG-1 รถจักรยานยนต์ครอบครัวสไตล์ใหม่ Fashion Moped ที่พร้อมตอบโจทย์ ชีวิตที่ Playful สนุกในสไตล์ที่โดดเด่นได้ทุกวัน สนุกได้กับทุกเส้นทาง ไปที่ไหนก็ได้ ไปทางไหนก็ได้ และไปกับใครก็ได้ เป็นรถที่สามารถใช้ได้ในทุกๆ วัน ทั้งในวันทำงาน และวันหยุด ให้เจ้าของได้สนุกกับ PG-1 ในทุกๆ กิจกรรม พร้อมรองรับการใช้งานในทุกสภาพเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการออกไปสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างลงตัว

New Yamaha PG-1 มาพร้อมกับ New Full Digital Speedometer เรือนไมล์ดิจิทอลดีไซจ์นทรงกลม สุดคลาสสิก แสดงผลมาตรวัดครบถ้วน ชัดเจน ทั้งตัวเลขแสดงความเร็ว, วัดรอบเครื่องยนต์, ตำแหน่งเกียร์, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, ระยะทาง, อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน และไฟแจ้งการทำงานระบบเบรค ABS ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ! โดยได้รับการอัพเกรด เบรคหน้าใหม่ ! ที่มีระบบเบรค ABS พร้อมดิสก์เบรคขนาดใหญ่ 245 มม. ช่วยลดการเกิดอาการล้อลอค ขณะเบรคกะทันหัน ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ และยาง Block ลายใหม่ ดอกยางใหญ่ขึ้น หน้ายางกว้าง เกาะถนนทรงตัวดี ขี่นุ่มนวล เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ ไม่ว่าจะทางเรียบ หรือทางลุย ก็ขี่ได้ทุกวัน มันส์ได้ทุกเส้นทาง

New Yamaha PG-1 ยังคงมาพร้อมเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวอย่าง Timeless Unique Bone Design ดีไซจ์นบอดีตามโครงสร้างเฟรม สวย โดดเด่น แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ คล่องตัวขี่สนุกทั้งในเมือง และทางลุย, Upright Handle Bar แฮนด์บาร์กว้าง ช่วยให้ทรงตัวดี และมีความสูงเหมาะกับทุกสไตล์การขับขี่, Upper Clamp Telescopic ชอคอับหน้าเทเลสโคปิคแบบมีแผงคอบน เสริมด้วยยางหุ้มชอคอับสไตล์คลาสสิค ชอคอับหลังคู่ที่เพิ่มระยะยุบ ช่วยซับแรงกระแทก ทรงตัวได้ดี มันส์ได้ทุกเส้นทาง, High Ground Clearance ระยะสูงจากพื้นถึงเครื่องยนต์ 190 มม. ขี่ลุยข้ามสิ่งกีดขวางพิชิตทุกความท้าทายได้อย่างมั่นใจในทุกวัน

New Yamaha PG-1พร้อมตอบโจทย์ทุกการขับขี่ด้วย Freedom Riding Position ที่ทำให้ไม่ว่าจะขับขี่ใกล้ หรือไกลก็นั่งสบาย ด้วยการออกแบบที่ปรับเปลี่ยนท่าขับขี่ได้อย่างอิสระ ซึ่งมาพร้อมกับ Duo Seat ด้วยเบาะนั่งแยกส่วนหน้า-หลัง ระหว่างผู้ขับขี่กับคนซ้อน และเติมน้ำมันได้อย่างสะดวกเพียงเปิดเบาะหน้า ทำให้สามารถมันส์ไปด้วยกันกับเพื่อนคู่ใจในทุกการเดินทาง และโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ด้วย Headlight/Taillight ไฟหน้า ไฟท้าย รูปทรงโค้งมนสุดคลาสสิค มีเอกลักษณ์ เรียบเท่ ดีไซจ์นเข้ากับตัวรถ ให้ความสว่างที่เห็นชัดในทุกมุมมอง

New Yamaha PG-1 มีให้เลือกเป็นเจ้าของด้วยกันถึง 4 สีสัน คือ สีฟ้า Blue Glacier, สีแดง Red Twilight, สีเทา Gray Misty และสีน้ำตาล Brown Rockstone โดยพร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำที่ 57,500 บาท พร้อมเพิ่มความมั่นใจอย่างไม่จำกัดกับการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. มาพร้อมกับโปรโมชัน ยามาฮ่าแคร์สุด x2 เมื่อซื้อ New Yamaha PG-1 ระหว่างวันที่ 13 สิงหาคม-31 ตุลาคม 2568 รับประกันอุบัติเหตุชดเชยรายได้ วันละ 1,500 บาท สุดสุด 45,000 บาท สนุกได้ทุกวัน แบบไม่จำกัด จากทิพยประกันภัยฯ

นอกจากนี้ ยังมี Accessories มันส์ทุกเดย์…เท่ทุกทาง ด้วยชุดแต่ง และอะไหล่แท้จาก Yamaha ให้เลือกแต่งเติมเพื่อความโดดเด่น และใช้งานได้อย่างเต็มสมรรถนะยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตะแกรงหน้าสีดำ-ตะแกรงหลังสีดำ-ตะแกรงด้านข้างสีดำ ที่พร้อมสำหรับการบรรทุกสัมภาระ, ชุดการ์ดแฮนด์ และฝาครอบการ์ดแฮนด์ ช่วยป้องกันมือผู้ขับขี่เมื่อเดินทางในเส้นทางออฟโรด และฝาครอบท่อสีเงินที่ช่วยเพิ่มความสวยงาม และป้องกันความร้อนจากท่อไอเสีย

………………………………………………………………………………………………………….

ไทยฮอนด้าฯ เผยทิศทางครึ่งปีหลัง

ไทยฮอนด้าฯ ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ Honda (ฮอนดา) ในประเทศไทย ประกาศภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรก และแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ Honda รุ่นใหม่ 2 รุ่น

ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวเปิดงาน ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ไทยฮอนด้าฯ ได้เผชิญทั้งความท้าทาย และโอกาส พร้อมก้าวผ่านช่วงเวลาสำคัญไปพร้อมกับลูกค้าและพันธมิตรทุกฝ่าย ในช่วงครึ่งปีแรก ยอดขายรวมของตลาดรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 1.06 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 101 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาขณะที่ยอดขายของไทยฮอนด้าฯ อยู่ที่ 0.86 ล้านคัน หรือเติบโต 102 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สำหรับตลาดรวมตลอดปี 2568 เราคาดการณ์เหมือนตอนต้นปีว่าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 1.68-1.73 ล้านคัน หรือเติบโตประมาณ 101 % ส่วนไทยฮอนด้าฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1.36-1.40 ล้านคัน หรือราว 102 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ และบริการของ Honda อย่างต่อเนื่อง

“รถจักรยานยนต์ในกลุ่มรถครอบครัว ยังคงเป็นเซกเมนท์ที่ได้รับความนิยมสูง เป็นเวลากว่า 28 ปีแล้วที่ Honda Wave (ฮอนดา เวฟ) เป็นมากกว่ารถจักรยานยนต์ ที่อยู่เคียงข้างคนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยยอดขายสะสมกว่า 19 ล้านคัน ในวันนี้เราจึงกลับมาพร้อมการยกระดับกับ All New Honda Wave 125 รุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพ ความคุ้มค่า และสไตล์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเราได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอย่าง "โจอี ภูวศิษฐ์" เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ครอบครัวยุคใหม่ ตอกย้ำความผู้นำในกลุ่มรถครอบครัวที่หลายคนยกให้เป็นอันดับหนึ่ง”

All New Honda Wave 125 ครั้งแรกกับเทคโนโลยี Combine Brake System (CBS) ที่ช่วยกระจายแรงเบรคระหว่างล้อหน้า และล้อหลัง ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจทุกการเบรคหยุดรถได้อย่างนุ่มนวล และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายด้วยฟีเจอร์ใหม่ ทั้ง New Honda Smart Key กุญแจรีโมทอัจฉริยะล้ำสมัย (เฉพาะรุ่นล้อแมก-กุญแจรีโมท) และชุดควบคุมการทำงานสวิทช์เปิด-ปิดเบาะ อีกทั้ง New USB-C Charger ช่องชาร์จไฟสำรองทุกที่แบบไม่มีสะดุด และ New Rotation Hook ที่แขวนอเนกประสงค์พับเก็บได้ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

All New Honda Wave 125 ยังคงตอบโจทย์ในเรื่องประหยัด ทนทาน ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 71.4 กม./ลิตร และมาพร้อมเครื่องยนต์ Honda Smart Engine 125 ซีซี พร้อมเปิดวางจำหน่ายด้วย 5 สีใหม่สุดพรีเมียม ทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นล้อแมก-กุญแจรีโมท มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีน้ำตาล-ดำ, สีน้ำเงิน-ดำ, สีขาว-ดำ และสีดำราคาแนะนำ 60,800 บาท ตามด้วยรุ่นล้อแมก มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีน้ำตาล-ดำ, สีน้ำเงิน-ดำ, สีขาว-ดำ และสีดำ ราคาแนะนำ 59,400 บาท และรุ่นล้อซี่ลวด มีทั้งหมด2 ดำ ได้แก่ สีแดง-ดำ และสีดำ ราคาแนะนำ 57,200 บาท

เสริมความพิเศษไปอีกขั้น กับรุ่น All New Honda Wave 125R อัพลุคใหม่ให้สปอร์ทเกินต้าน ด้วยชุดแต่ง H2C ดีไซจ์นโฉบเฉี่ยว สติคเกอร์สีทูโทนตกแต่งรอบคันเพิ่มความจัดจ้านด้วยชอคอับหลัง Profender สีแดงทอง มาพร้อมที่ปรับระดับ Rebound ช่วยซับแรงสะเทือนได้ดี ราคาแนะนำ 66,200 บาท

และอีกไฮไลท์สำคัญอย่างรถจักรยานยนต์ "New Honda Forza 350 Special Edition x Öhlins" เปิดตัวภายใต้คอนเซพท์ "Beyond Protection ก้าวข้ามความสมบูรณ์แบบที่เหนือระดับ" ที่ได้ร่วมมือกับ Öhlins แบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วงล่างระดับโลก มาพร้อมชุดชอคอับ Öhlins Special Edition รองรับทุกจังหวะการขับขี่ด้วยความนุ่ม หนึบ และมั่นใจทุกทางโค้ง ด้วยดีไซจ์นสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยหัวชอคอับดีไซจ์นใหม่ที่ทันสมัย และสติคเกอร์ Blue Logo สะดุดตา รวมถึงตัวปรับชอคอับ Gold Compression Adjuster ที่ปรับแต่งได้ละเอียด และโดดเด่นไม่เหมือนใคร และฝาท้ายชอคอับ Gold End Cap ที่เติมเต็มความหรูหราอย่างสมบูรณ์แบบ

New Honda Forza 350 Special Edition x Öhlins เสริมลุคสปอร์ทด้วยชุดสติคเกอร์ Öhlins รอบคัน สะท้อนความพรีเมียมด้วย โลโก Bold Emblem สีทอง มาพร้อมชุดแผ่นวางเท้า และพักเท้าหลังจาก H2C จำนวนจำกัดเพียง 500 คันทั่วประเทศราคาแนะนำ 207,000 บาท

พร้อมกันนี้ นำเสนออีกรุ่นยอดนิยมกับ New Honda Giorno+ ที่มาพร้อมกับสีใหม่ "สีน้ำเงินเข้ม Matte Blue" ภายใต้คอนเซพท์ "Rise to New High พาสไตล์คุณเหนือใคร" ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ แมทช์ได้ทุกลุคสายแฟชัน วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในราคาแนะนำ 67,700 บาท มีให้เลือกถึง 7 เฉดสี ในรุ่น ABS ได้แก่ น้ำเงิน-ดำ, สีส้ม-ดำ, สีเทา-ดำ, สีขาว-ดำ และสีดำ รุ่น CBS ได้แก่ สีเขียว-ดำและ สีเหลือง-ดำ

เนื่องในโอกาสพิเศษครบรอบ 60 ปี นี้ ไทยฮอนด้าฯ ได้จัดตั้ง “โครงการบริจาคหมวกกันนอค” จำนวน 60,000 ใบ มูลค่า 60 ล้านบาท จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “60 ปี ไทยฮอนด้าฯ ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา เราจะส่งมอบหมวกกันนอค 77 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าเคียงข้างสังคมไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการรณรงค์เรื่องความปลอดภัย และสร้างความตระหนักรู้ให้แก่คนไทยทุกคน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไทยให้ปลอดภัย และก้าวสู่เป้าหมายของการเป็นสังคมที่อุบัติเหตุเป็นศูนย์

ภายในงานครั้งนี้ ยังได้ร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ Honda ทั่วประเทศรวมพลังในการเพิ่มจำนวนหมวกกันนอคจากจำนวนเดิม 60,000 ใบให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถกระจายการเข้าถึงได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ช่วยกันส่งต่อความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยอีกด้วย

นอกเหนือจากนั้น ทางไทยฮอนด้าฯ ได้เดินหน้ายกระดับมาตรฐานร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ผ่านการพัฒนาบริการหลังการขายการฝึกอบรมบุคลากร และการจัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกให้ได้มาตรฐานเดียวกันพร้อมปรับปรุงร้านให้ทันสมัย รองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง และยกระดับคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำที่ใส่ใจในทุกการเดินทางของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ Honda

………………………………………………………………………………………………………….

Continental เปิดตัวยางรถเอสยูวี

คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) ผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมนี เปิดตัวยาง UltraContact UX7 ยางที่ออกแบบมาสำหรับรถเอสยูวีโดยเฉพาะ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่รถเอสยูวีในเมืองอย่างเต็มพิกัด

Karel Kucera กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดรถเอสยูวีในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคนไทยให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอย ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย Continental Tires พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าด้วยยางรุ่น UltraContact UX7 ที่ไม่เพียงได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับรถเอสยูวีโดยเฉพาะ แต่ยังตอบโจทย์ผู้ขับขี่ทั้งการเดินทางในเมือง และการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างลงตัว

UltraContact UX7-สร้างสรรค์มาเพื่อความอเนกประสงค์ พร้อมสมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย

เนื่องจากรถเอสยูวีมีน้ำหนักมากกว่า และมีจุดศูนย์ถ่วงสูงกว่ารถยนต์ซีดานทั่วไป จึงต้องการยางที่ออกแบบมาพิเศษเพื่อช่วยส่งเสริมสมรรถนะในการควบคุมรถ และเพิ่มเสถียรภาพขณะขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ยางสำหรับรถเอสยูวีจึงต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรง และทนทานเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันบนสภาพถนนที่หลากหลายได้อย่างมั่นใจ

UltraContact UX7 ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ขับขี่รถเอสยูวีเป็นหลัก ทั้งในด้านความปลอดภัย ความทนทาน และความเงียบในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่แออัด หรือการเดินทางไกลบนถนนต่างจังหวัด โดยยางรุ่นใหม่นี้มาพร้อม เทคโนโลยี SUV Confidence+ ที่ออกแบบมาเพื่อมอบสมรรถนะที่มั่นใจยิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี้เน้นตอบโจทย์ 3 ด้านหลัก ได้แก่ ความปลอดภัย ความทนทาน และความเงียบสบายขณะขับขี่

ความปลอดภัยเหนือระดับ พร้อมรับทุกความอิสระ และท้าทาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ยางจำเป็นต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรับมือกับแรงในทิศทางต่างๆ ทั้งในช่วงการเร่งความเร็ว การเบรค และการเข้าโค้ง โดยจะมีความสำคัญมากในการขับขี่รถเอสยูวี ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า และมีจุดศูนย์ถ่วงสูงกว่ารถทั่วไป

X-Force Macroblocks ในยางรุ่น UltraContact UX7 ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างหน้ายางกับพื้นถนน ให้หน้าสัมผัสที่กว้างขึ้น ส่งผลให้ควบคุมรถได้ดีขึ้น และทรงตัวได้มั่นคงยิ่งขึ้น แม้ในขณะเข้าโค้ง หรือขับขี่บนถนนขรุขระและพื้นลูกรัง โดยมาพร้อมเนื้อยาง Adaptive Diamond Compound ผสานซิลิคาพิเศษ ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานจลน์ให้เป็นความร้อนในระดับที่เหมาะสม ช่วยลดระยะเบรคทั้งบนถนนแห้ง และถนนเปียกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Aqua Channel ที่ออกแบบระบบท่อเฉพาะสำหรับระบายน้ำเข้าสู่ร่องดอกยาง ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไล่น้ำ และลดโอกาสที่รถจะลื่นไถลเมื่อต้องขับผ่านถนนเปียกหรือน้ำขัง

ความทนทานที่เหนือกว่า เพื่อการเดินทางที่ยาวไกลยิ่งขึ้น

แม้ผู้ขับขี่รถเอสยูวียุคใหม่จะเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ยังคงต้องการยางที่พร้อมรับมือกับทุกเส้นทางที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดในช่วงทริปวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อออกเดินทางค้นหาประสบการณ์พิเศษต่างๆ ผ่านเส้นทางดินลูกรัง และถนนชนบทได้อย่างมั่นใจ

โครงสร้าง Robust360 ของ UltraContact UX7 ประกอบด้วย ชั้นเหล็กเสริมแรง (Steel Belt) ที่ช่วยป้องกันยางจากการดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนน เพิ่มการคงรูป และเสถียรภาพในการควบคุมทิศทาง เสริมด้วยโครงสร้างยางด้านใน (Carcass) ที่แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากความเสียหายของยาง พร้อมด้วยโซ่โพลีเมอร์ของเนื้อยางสูตร Diamond Compound ที่เชื่อมประสานกันอย่างแน่นหนา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต้านทานการสึกหรอ และลดการบาด หรือแตกของหน้ายาง ทั้งหมดนี้จะช่วยมอบความทนทาน และอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักและการบรรทุกของรถเอสยูวีได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการขับขี่บางครั้งคราวบนถนนที่เป็นพื้นดิน และพื้นลูกรัง

สัมผัสความเงียบอย่างมีระดับ เติมเต็มทุกจังหวะแห่งการเดินทางอย่างลงตัว

การขับขี่ในเมืองต้องการความเงียบที่มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรถเอสยูวีไฟฟ้าเริ่มมีบทบาทมากขึ้นบนท้องถนน และเมื่อไม่มีเสียงเครื่องยนต์ เสียงจากยางจะยิ่งชัดเจน และสัมผัสได้มากกว่าเดิม

ลายดอกยางที่ตัดอย่างแม่นยำของ UX7 ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนโดยการลดแรงสั่นสะเทือน โดยจะมีเทคโนโลยี Noisebreaker 3.0 ทำหน้าที่สลายคลื่นเสียงไม่ให้สะสม และแทรกเข้าสู่ห้องโดยสาร พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางที่เงียบสบาย และรื่นรมย์ยิ่งขึ้น

UltraContact UX7 มาพร้อมขนาดขอบยางให้เลือกตั้งแต่ 15-22 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 4,500-13,700 บาท เพื่อรองรับการติดตั้งทั้งในรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีขนาดกลาง ไปจนถึงเอสยูวีระดับลักชัวรี วางจำหน่ายผ่านร้านตัวแทนจำหน่าย Continental Tires ทั่วประเทศ นอกจากนี้ Continental Tires ยังจัดแคมเปญสุดพิเศษเพื่อต้อนรับเดือนสิงหาคม มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อยาง UltraContact UX7 ครบจำนวน 4 เส้น รับฟรีทันที รถเข็นอเนกประสงค์ โปรโมชันตั้งแต่วันนี้-31 สิงหาคม 2568 (หรือจนกว่าสินค้าสมนาคุณจะหมด)

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก autoinfo.co.th

Triumph ตำนานสองล้อสัญชาติอังกฤษ สำหรับนักบิดตัวจริง

39 นาทีที่แล้ว

Zeekr ประกาศราคา 7X อย่างเป็นทางการ

21 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความยานยนต์อื่นๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...