แก่แต่เก๋า TOYOTA HILUX N10 (พศ. 2011) กระบะทำกินยุคคุณปู่
ไม่มีรูปแบบการขนส่งใดที่เชื่อมโยงกับการค้าขายในอดีตของประเทศไทยได้มากไปกว่ารถกระบะ กระบะถือกำเนิดขึ้นจากความคิดอันชาญฉลาดของเฮนรี ฟอร์ด เมื่อกว่า 100 ปีก่อน กลายเป็นยานพาหนะหลักของชนชั้นแรงงาน ด้วยความสามารถในการรองรับงานหนัก ส่วนรถกระบะญี่ปุ่นที่ขายในไทยมานานกว่า 50 ปี เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของมรดกทางวัฒนธรรมในโลกแห่งยานยนต์ รถกระบะบางรุ่นสามารถแทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างแนบเนียน จนกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ในอดีต รถกระบะ Nissan Big-M Mazda B-Series Ford Courier Isuzu Faster ได้รับความนิยมไม่แพ้ Toyota Hilux ซึ่งปัจจุบันคือเจ้าตลาดที่ยึดครองเบอร์หนึ่งด้านยอดขายมานานแสนนาน หลังจากปี พศ. 2511 Hilux ประสบความสำเร็จในไทยอย่างต่อเนื่องรวม 8 เจนเนอเชัน ด้วยรถกระบะขนาดกะทัดรัดที่มีราคาไม่แพง ใช้งานได้ดีและมีความทนทานอย่างมาก นับเป็นรถกระบะที่มีอิทธิพลต่อการทำมาหากินของชนชั้นกลางในไทยอย่างแท้จริง
หลังการใช้งานหนักผ่านไป 3-5 ปีหรือนานกว่านั้น Toyota Hilux ได้รับชื่อเสียงอย่างรวดเร็วว่าเป็นรถปิคอัพเล็กที่ทนทานและเชื่อถือได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับคลาสรถกระบะในระดับเดียวกัน เมื่อ Hilux มีวิวัฒนาการมากขึ้น ทำให้มันกลายเป็นรถออฟโรดยอดนิยม ด้วยการควบคุมที่คล่องตัว ราคาที่เข้าถึงได้ เหมาะสมกับภูมิประเทศของไทยที่ในอดีตกว่า 50 ปีก่อนนั้นเต็มไปด้วยเส้นทางทุรกันดาน ในตลาดโลก Toyota ขยายโมเดลไปยังรถกระบะขนาดกลางและขนาดใหญ่ นำเสนอคุณภาพและสไตล์ที่โดดเด่นเพื่อส่งขายในทวีปอเมริกาเหนือ ….
นับตั้งแต่รถยนต์บรรทุกเล็กขนาดหนึ่งตัน หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า รถกระบะ เริ่มเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยราวปี พ.ศ. 2511 อัตราการเติบโต หรือยอดจำหน่ายของรถยนต์ประเภทดังกล่าวก็สูงขึ้นทุกๆ ปี จนถึงขั้นที่มีตัวเลขการจำหน่ายมากกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขจำหน่ายรถยนต์รวมทุกชนิดในแต่ละปี ต่อเนื่องมายาวนานนับสิบปีจนถึงปัจจุบัน
Toyota Hilux เริ่มการผลิตในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2511 ในชื่อรหัส RN10 ด้วยรูปแบบรถกระบะ ฐานล้อสั้นพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบเรียง ให้กำลังสูงสุด 77 PS (57 กิโลวัตต์; 76 แรงม้า) ผลิตโดย Hino Motorsที่โรงงาน Hamura ในประเทศญี่ปุ่น การปรับปรุงเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ 1.5 ลิตร ทำให้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 130 กม./ชม. เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ได้รับการปรับเปลี่ยนความจุเป็น 1.6 ลิตร 4 สูบเรียง หลังจากนั้นจึงขยับเป็น 1.9 ลิตร ซึ่งเป็นรถ Toyota Hilux รหัส N10 ที่จำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือเป็นครั้งแรกต่อจาก Toyota Stout 1900 ที่ออกขายในอเมริกา ช่วงปี 1964 ถึง 1967
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2512 Hilux เพิ่มรุ่นฐานล้อยาว ส่วนรุ่นฐานล้อสั้นก็ยังคงผลิตต่อไปอีกหลายปี รุ่นฐานล้อยาวไม่ได้ขายในอเมริกา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2515 ทำให้รถกระบะ Datsun ยังคงรักษาสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดไว้ได้ ในยุคนั้น Hilux เปิดตัวพร้อมกับรถรุ่นใหม่อย่าง Toyota Crown , Toyota Corona และ Toyota Corona Mark II ในประเทศญี่ปุ่น จนถึงปี พ.ศ. 2515 เมื่อ Crown, Corona และ Corona Mark II ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นรถเก๋งนั่งส่วนบุคคล เมื่อเปิดตัว ไฮลักซ์ได้ขยายไลน์รถกระบะสำหรับใช้งานทั่วไปจากสองรุ่นเป็นสามรุ่น โดยรถกระบะรุ่นใหม่นี้เข้ามาเสริมไลน์ Corona และ Masterline (Crown) ที่มีอยู่เดิม ซึ่งสองรุ่นหลังเป็นรถที่พัฒนามาจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และ Toyota ก็ยุติการผลิตรถแปลงประหลาดเพื่อสร้างช่องว่างระหว่างไลน์รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเบาของ Toyota และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลให้แยกออกจากกันอย่างชัดเจน
Toyota เข้าครอบครองกิจการของ Hino ในปี พ.ศ. 2510 และกระบะ Hilux N10 ก็ประกอบที่โรงงาน Hino ตัวถังมีขนาดเล็ก ด้วยความยาว 4.3 เมตรและสูง 1.5 เมตร มันมีขนาดพอๆ กับ Toyota Corolla รุ่นปัจจุบัน Toyota Hilux เริ่มการผลิตในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2511 ด้วยรหัสตัวถัง RN10 ในรูปแบบกระบะฐานล้อสั้น พร้อมเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร สร้างกำลังสูงสุด 77 แรงม้า (57 กิโลวัตต์) ตามข้อกำหนดของตลาดญี่ปุ่น
จุดเริ่มต้นของรถกระบะ Toyota Hilux ในประเทศไทย เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) Toyota Hilux เปิดตัวครั้งแรกในชื่อของ Toyopet ด้วยรถกระบะรุ่น RN10 เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 2R ซึ่งการใช้ชื่อ Toyopet เป็นการใช้กันอยู่แค่ไม่นาน หลังจากนั้น ในปีต่อๆ Toyopet ถูกเปลี่ยนเป็น Toyota มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ โอเวอร์เฮดวาล์ว หลังจากประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในด้านตัวเลขยอดขายรถยนต์ช่วงปี 2508-2510 Toyota ได้พัฒนารถบรรทุกของตนเอง และใช้ชื่อที่สุดจะคาดเดา นี่คือ Hilux รุ่นแรก ชื่อนี้มาจากคำว่า High (สูง) และ Lux หรือ Luxury ซึ่งแปลว่า หรูหรา
เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 70 แรงม้า (2R) ซึ่งใช้ใน Toyoace เช่นกัน Hilux ใช้โครงสร้างเฟรมแยกส่วน พร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่/คอยล์สปริง และระบบกันสะเทือนหลังแบบเพลาแข็ง/แหนบ ระบบส่งกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีด พร้อมคันเกียร์แบบคอลัมชิฟเตอร์ Hilux มีความจุผู้โดยสาร 3 คน และน้ำหนักบรรทุก 1,000 กิโลกรัม พร้อมพื้นที่บรรทุกสัมภาระยาว 1,850 มิลลิเมตร
ในช่วงแรกเริ่ม Toyota Hilux เริ่มต้นจากรุ่นฐานล้อสั้น ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน R-series 4 สูบ 1.5 ลิตร พร้อมเกียร์ธรรมดา 4 สปีดแบบคอลัมน์ชิฟต์ ขับเคลื่อนล้อหลัง หลังจากผลิตได้เพียงปีเศษในเดือนเมษายน ปี 1969 Hilux ก็ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ (ตามตัวอักษร) ไปสู่รุ่นฐานล้อยาว ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1971 ได้มีการเปิดตัวรุ่น 1.6 ลิตรที่ดุดันขึ้นแทนที่เครื่องยนต์พื้นฐาน ความจุผู้โดยสารสามารถนั่งได้สามคนโดยนั่งเรียงกันบนเบาะนั่งยาว
สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ Toyota ทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เริ่มต้นด้วยการไม่ใช้ชื่อ Hilux แต่ใช้ชื่อรถกระบะว่า "Toyota Truck" เพื่อป้องกันความสับสนเกี่ยวกับชื่อและวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ตลาดอเมริกามีเครื่องยนต์ R-series ขนาด 1.9 หรือ 2.0 ลิตรที่ใหญ่กว่าในไทย ขายเฉพาะรุ่นฐานล้อสั้น พร้อมกระบะยาว 1.85 เมตร.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcomhttps://
www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แก่แต่เก๋า TOYOTA HILUX N10 (พศ. 2011) กระบะทำกินยุคคุณปู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แก่แต่เก๋า TOYOTA HILUX N10 (พศ. 2011) กระบะทำกินยุคคุณปู่
- รถกระบะหรือปลากระป๋อง จับเมียนมาลอบเข้าเมืองอัดแน่นห้องโดยสาร
- จับตาตลาดกระบะไตรมาสแรก 2025 - หัวหาดสุดท้ายของมิตรค่ายญี่ปุ่น
- นนทบุรีระทึก ยักษ์ใหญ่ชนวินาศ 2 คดี สิบล้อเบรกแตก-รถปอ.หักหลบรถเมล์
- จับกระบะซิ่งหนีด่านตรวจ ขับย้อนศรชนรถพ่วง 18 ล้อ ค้นเจอ "ยาบ้า" 5 ล้านเม็ด
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath