BENZ ปรับกลยุทธ์ เปิด Game Changer ครั้งใหม่
คอลัมน์ : สัมภาษณ์
ยอมรับว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ใช้เวลาเรียนรู้เพื่อทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% (อีวี) ในไทยมาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี หลังเปิดตัวรถยนต์อีวีรุ่นแรกคือ เมอร์เซเดส-อีคิวเอส (Mercedes-EQS) และตามมาด้วย EQB, EQE, EQS ให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัส
“มาร์ทิน ชเวงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่า “ยังไม่น่าพอใจนัก” เพราะยังจับทิศทางการทำตลาดและกลุ่มลูกค้าได้ไม่ดีนักเพราะทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่
ที่ผ่านมานั้นถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับความต้องการและมุมมองของลูกค้า และจากนี้ไป เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ จะนำบทเรียนจากประสบการณ์ดังกล่าวมาปรับปรุง เพื่อเดินหน้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยม จะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน
ปรับกลยุทธ์แบรนด์อีวี
วันนี้เราได้สร้างนิยามใหม่ให้กับรถยนต์รถอีวีของเรา โดยเปลี่ยนผ่านของยุค ด้วยการปรับกลยุทธ์ในส่วนของแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าใหม่ จากเดิมเราใช้ซับแบรนด์ เมอร์เซเดส-อีคิว (Mercedes-EQ) จากนี้ถูกเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz ทั้งหมด
โดยรถยนต์อีวีทุกรุ่นจะใช้ชื่อรุ่นตามด้วย “with EQ Technology” ส่วนรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด จะตามด้วย “with EQ Hybrid Technology”
ปรับโครงสร้างราคา
ที่ผ่านมา เราได้ผ่านช่วงการศึกษาและการเรียนรู้ตลาดรถอีวีมาแล้ว
วันนี้เรามีความมั่นใจ เข้าใจตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะความต้องการของลูกค้าผู้ใช้งาน ที่พบว่ามุมมองของลูกค้าที่ใช้รถอีวีนั้น ในแต่ละประเทศมีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป
ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2568) เราได้ศึกษาอย่างรอบด้านถึงผลกระทบในด้านการปรับฐานราคาจำหน่ายครั้งใหญ่ ทั้งในมุมของผู้บริโภค, ดีลเลอร์ ตัวแทนจำหน่าย
เราพบแล้วว่า ความเหมาะสมของราคาที่ตลาดรับได้ควรจะอยู่ในระดับใดและทำให้เราตัดสินใจปรับโครงสร้างราคาอีวี เพราะเราต้องการให้ลูกค้าเข้าถึงรถของเราได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทย “ราคา” เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ แต่เราก็ยังต้องคำนึงถึงต้นทุนการพัฒนาและการนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์และแบรนด์ด้วย
ใช้ราคา เป็น Game Changer
โครงสร้างราคาใหม่ จะเป็นตัวแปรสำคัญ จะเป็นตัวพลิกเกม (Game Changer) ให้รถยนต์อีวีของเรา
โครงสร้างราคาใหม่นั้น มีความสมเหตุสมผลที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์อีวีที่มีความเป็นแบรนด์ลักเซอรี่และขอยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการเข้าร่วม “สงครามราคา” แน่นอน
ส่วนรถยนต์ในกลุ่มอื่น ๆ ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ที่มีการปรับราคาจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ เป็นการปรับราคาตามกลไกตลาดและช่วงเวลาอายุของโปรดักต์
อีวีรุ่นใหม่ ตัว “เปิดเกม”
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ต้องการเดินเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการเปิดตัวรถยนต์อีวีรุ่นใหม่อย่าง Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology ที่จะผลิตขึ้นภายในประเทศไทยเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2025
รถรุ่นนี้จะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไทย ที่ต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยม และรองรับความต้องการของลูกค้าไทย ในราคาสามารถเข้าถึงได้ และยังมั่นใจได้กับระบบงานบริการหลังการขาย
นี่คือ โอกาสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่สนใจรถอีวี และยังถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเป็นการเติบโตของประเทศไทย
ชูรุ่นใหม่ตอบโจทย์ทุกมิติ
แน่นอนว่าเรามีความคาดหวังกับ Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology ว่าจะสามารถตอบโจทย์ในทุกมิติ ทั้งสมรรถนะกำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 800V ขนาด 85 kWh ให้ระยะทางการขับขี่สูงสุด 792 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
ยังรองรับการชาร์จแบบ DC Charge สูงสุด 320 kW โดยการชาร์จเพียง 10 นาที ด้วยกระแสไฟเต็มกำลัง จะสามารถขับขี่ได้ไกลถึง 325 กิโลเมตร มีการติดตั้งระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่ผสานการทำงานของเทคโนโลยี AI ด้วยระบบ MBUX Virtual Assistance ที่ร่วมมือกับ Google สามารถเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชั่นระดับโลกมากมาย อาทิ ChatGPT, Gemini, Google Maps, Microsoft Teams, Webex, Zoom ฯลฯ
ใช้แบตเตอรี่จากโรงงานในไทย
รถ Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology เราตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง รถรุ่นนี้ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ Mercedes-Benz Modular Architecture (MMA) ที่สามารถปรับเปลี่ยนใช้รองรับกับรถได้หลากหลายรุ่น รองรับกับหลากหลายระบบขับเคลื่อน มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับ Powertech Energy พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อผลิตแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (EV) ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์
โดยมีศักยภาพในการผลิตเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 V ขนาด 85 kWh รองรับการชาร์จ DC 320 kW และจะผลิตให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเราได้เซ็นสัญญาการซื้อระยะยาวสำหรับรองรับตลาดในประเทศไทย
ส่วนธนบุรีประกอบรถยนต์นั้นก็ยังคงเป็นผู้ประกอบรถยนต์ให้กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบตเตอรี่สำหรับรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) เช่นเดิม
สุดท้าย มาร์ทินยังได้ย้ำว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ ได้เรียนรู้จากที่ผ่านมา และมีความตั้งใจในการปรับราคาจำหน่ายรถยนต์อีวีให้เหมาะสมกับสภาพตลาดอย่างแท้จริง
ดังนั้น คงต้องรอดูกันว่าการตั้ง “ราคา” รถอีวีที่เหมาะสมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะออกมาได้โดนใจลูกค้าชาวไทยแค่ไหน ต้องติดตาม
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : BENZ ปรับกลยุทธ์ เปิด Game Changer ครั้งใหม่
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net