ใช้มาตรา 51 หยุดภัยคุกคามกัมพูชา ?
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
แม้ว่า ประเทศไทยและกัมพูชา จะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในระหว่างการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee หรือ GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาได้แล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า ภัยจากการคุกคามของกัมพูชาภายหลังข้อตกลงหยุดยิงยังคงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จากการเผยแพร่ข้อมูลของกองทัพบกไทยได้ชี้ให้เห็นว่า “ภัย” ที่ปรากฏนั้น ได้แก่ มีการส่งอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลักษณะของการตรวจการณ์ เพื่อเก็บข้อมูลทางทหาร มีรายงานข่าวกรองที่ว่า กัมพูชาเสริมกำลังทหารตลอดแนวชายแดน มีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอม
และที่สำคัญที่สุดก็คือ ทหารฝ่ายไทยมีการเหยียบทุ่นระเบิดที่ถูกนำมาวางไว้ในฝั่งไทย (พื้นที่ต่างอ้างสิทธิ) ในระหว่างการลาดตระเวนถึง 2 ครั้ง กล่าวคือ รอยต่อโดนอาร์-กฤษณา ในวันที่ 9 ส.ค. กับล่าสุดที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ในวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมานี้ การเหยียบทุ่นระเบิดดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังข้อตกลงหยุดยิง
โดยกองทัพบกยืนยันจากการตรวจสอบพบว่า เป็นทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 และเพิ่งถูกนำมาวางใหม่ หรืออาจเป็นการวางช่วงรอยต่อของการลงนามในข้อตกลงหยุดยิง หรือวางหลังจากที่มีข้อตกลงหยุดยิงก็เป็นได้ แต่การกระทำดังกล่าวส่งผลให้ ทหารไทย ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขาด ซึ่งไม่ควรที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะลดทอนความรุนแรงและฟื้นฟูสันติภาพอย่างมั่นคง เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศกลับคืนสู่สภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าการที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดนั้น เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนการเริ่มต้นปะทะกันของกองทหารทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบทุ่นระเบิดที่ช่องบก ในวันที่ 16 ก.ค. การเหยียบทุ่นระเบิดที่ช่องอานม้า ในวันที่ 23 ก.ค. และวันที่ 28 ก.ค. ที่ปราสาทตาควาย ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 5 นาย
และยังถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ รัฐบาลไทย ใช้อ้างเหตุเพื่อตอบโต้รัฐบาลกัมพูชา ด้วยการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตลง และกองทัพบกได้ประกาศปิดด่านชายแดนและจุดผ่อนปรนการค้าที่ติดต่อกับกัมพูชาทั้งหมด จนนำมาซึ่งเหตุการณ์การปะทะกันครั้งใหญ่ในวันที่ 24 ก.ค. ต่อเนื่องกันถึง 5 วัน ได้สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้ง 2 ฝ่าย
เหตุการณ์ที่ฝ่ายไทยถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงข้างต้น ได้ถูกตีความโดย กองทัพบก ให้เป็น “ภัยคุกคามใกล้เกิดขึ้น” ที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคง จนอาจนำมาซึ่งการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ทว่าการใช้สิทธิดังกล่าวจำเป็นต้องตระหนักอย่างไรถึงจะเข้าข่าย ความจำเป็น และได้สัดส่วน และไม่เป็นการรุกราน ในการเปิดฉากโจมตีเชิงป้องกันแบบจำกัดสัดส่วน เพราะนี่หมายถึง การเปิดการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งท่ามกลางสถานะของ ข้อตกลงหยุดยิง ที่ยังเป็นอยู่ในปัจจุบัน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ใช้มาตรา 51 หยุดภัยคุกคามกัมพูชา ?
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net