“SCBGHCA” ลุย “Life Science”...ร่วมเติบโตกับ “ธีมสุขภาพยุคใหม่” !!!
กองทุนติดดาว: กลับมาอีกครั้งกับคอลัมน์ประจำสัปดาห์อย่าง “กองทุนติดดาว” กองทุนที่ได้เรทติ้ง “Morningstar 5 ดาว” จัดเป็นกองทุนหัวกะทิที่มี ‘ผลตอบแทนปรับด้วยความเสี่ยง’(Risk-adjusted returns)ดีสุด 10% แรกของกลุ่ม ตามสูตรลับเฉพาะของคนกลางอย่าง “Morningstar” ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดอันดับกองทุนรวมที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลก
ครั้งนี้เป็นกองทุนในกลุ่ม “Health Care” ที่มีจุดเด่นเน้นลงทุน “หุ้นสุขภาพ” ของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต (Life Science)
เป็น “ธีมสุขภาพยุคใหม่” ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงกว่า “ธีมหุ้นสุขภาพแบบดั้งเดิม”
ที่ยังคงมีโอกาสเติบโตไปคู่ขนานกับ “สังคมผู้สูงอายุ” ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้าอยู่ในปัจจุบัน
วันนี้ ทีมงาน ‘Wealthy Thai’ มี “กองทุนหุ้นสุขภาพ” ที่น่าสนใจ ดีกรี “กองทุน 5 ดาว” จากทาง “Morningstar”** มาฝากกัน
“SCBGHCA” ร่วมเติบโตไปกับ “Life Science” ธีมสุขภาพยุคใหม่
สำหรับกองทุนรวมที่คัดมาแนะนำกันในครั้งนี้ มีชื่อว่า “SCBGHCA: กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นโกลบอลเฮลธ์แคร์ (ชนิดสะสมมูลค่า)” บริหารจัดการโดย ‘บลจ.ไทยพาณิชย์’ มีความเสี่ยง “ระดับ 7” (เสี่ยงสูง) เริ่มต้น Class เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 มีนโยบายลงทุน “หุ้นสุขภาพ” ของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต (Life Science)
โดยทั่วไป “Life Sciences” หมายถึงศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาหรือยกระดับคุณภาพชีวิต ดังนั้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตได้แก่ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย พัฒนา ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และผลิตภัณฑ์เพื่อการดูและตัวเอง การแพทย์หรือเภสัชกรรม รวมไปถึงบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโดหลักมาจากผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี การจดสิทธิบัตร หรือความได้เปรียบทางการตลาดอื่นๆ จากวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต
ทั้งนี้ จะลงทุนผ่านกองทุนหลัก ‘Janus Henderson Global Life Sciences Fund, Class I acc, USD’ ที่บริหารจัดการโดย Henderson Management S.A.
หน้าตาพอร์ต…สไตล์ “หุ้นใหญ่” ที่เป็นส่วนผสมระหว่าง “หุ้นคุณค่า” และ “หุ้นเติบโต”
จากนโยบายลงทุนทำให้หน้าตาหุ้นในพอร์ตของกอง ‘SCBGHCA’ มีบุคลิกของหุ้นสไตล์ “หุ้นใหญ่” ที่เป็นส่วนผสมระหว่าง “หุ้นคุณค่า” (Value) และ “หุ้นเติบโต” (Growth) เป็นสำคัญ
สำหรับหน้าตาพอร์ตของกองทุนหลัก (ณ วันที่ 30 มิ.ย. 25) นั้น พบว่า 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนมากสุด ประกอบด้วย
Biotechnology 32.31%
Pharmaceuticals 29.43%
Health Care Equipment 17.47%
Managed Health Care 6.40%
Life Sciences Tools & Services 4.54%
“โดย 5 หุ้นที่ลงทุนมากสุด ได้แก่ 1) Eli Lilly & Co 8.85%,2) United Health Group Inc 4.50%,3) Astra Zeneca PLC 4.13%,4) Boston Scientific Corp 3.44% และ5) Abbott Laboratories 3.41%ตามลำดับ”
“ด้านผลการดำเนินงานของกองทุน ‘SCBGHCA’ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 25) เฉลี่ยอยู่ที่ -2.66%ต่อปี (ดัชนีชี้วัด -1.81% ต่อปี) ขณะที่ความผันผวนของผลการดำเนินงานเฉลี่ยอยู่ที่ 16.43% ต่อปี (ดัชนีชี้วัด 13.34% ต่อปี) อย่างไรก็ดีในช่วง 5 ปีย้อนหลังกองทุนเคยมีผลขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) อยู่ที่ -23.23%”
เงินลงทุนขั้นต่ำ “ครั้งแรก” และ “ครั้งถัดไป” เพียง 1 บาท เท่านั้น
นักลงทุนที่กำลังสนใจกองดังกล่าวก็สามารถลงทุนโดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำใน “การซื้อครั้งแรก” และ “ครั้งถัดไป” อยู่ที่ 1บาท เท่านั้น ส่วนการขายคืนขั้นต่ำและยอดคงเหลือก็จะอยู่ที่ 1 บาท เช่นเดียวกัน โดยเงื่อนไขการได้รับเงินค่าขายคืนอยู่ที่ 5 วันทำการนับจากวันทำรายการขายคืน (T+5)
สำหรับรายละเอียดการซื้อขายในปัจจุบันจะสามารถทำได้ทั้งผ่านช่องทางออฟไลน์อย่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จํากัดหรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนที่บริษัทแต่งตั้งขึ้นและยังมีช่องทางออนไลน์ที่สามารถทำได้ผ่านแอพพลิเคชั่น SCB EASY
สำหรับใครที่มองหาโอกาสลงทุนในตลาดที่น่าจะได้รับผลกระทบไม่มากจาก “ภาษี Trump” หนึ่งในนั้นก็คือ “ตลาดหุ้นญี่ปุ่น” นั่นเอง ที่เป็นอีกหนึ่ง “ตลาดพัฒนาแล้ว” (Developed Market) ที่มีบริษัทชั้นนำระดับโลกอยู่มากมาย ราคาสมเหตุสมผล ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเติมเต็มพอร์ตได้เป็นอย่างดี
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน