BDMS มุมมองโบรกหลังแจ้งงบฯไตรมาส 2/68
BDMS มุมมองโบรกหลังแจ้งงบฯไตรมาส 2/68
#bdms #ทันหุ้น – การซื้อขายหุ้นของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)หรือ BDMS วันที่ 15 ส.ค.68 ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 21.00-21.60 บาท ปิดครึ่งวันเช้าที่ 21.10 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ ลดลง 2.76% มูลค่าการซื้อขาย 1,427 ล้านบาท
IAA Consensus โบรกเกอร์ให้คำแนะนำ “ซื้อ 18 ราย ให้คำแนะนำ “ถือ” 3 ราย ไม่มีให้คำแนะนำ “ขาย” ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 21.80-35.00 บาท มีค่ากลางที่ 31.50 บาท
บล.กสิกรไทย
บล.กสิกรไทยปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายกลางปี 2569 ที่ 23.70 บาท ลดลงจากเดิมที่ 26.50 บาท จากการปรับลดประมาณการกำไร โดยคาดว่าจะไม่มีผลบวกจากช่วงไฮซีซันในไตรมาส 3/2568 เป้าการเติบโตของรายได้ได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดไทย-กัมพูชา ขณะที่คงเป้าหมายอัตรากำไร EBITDA สำหรับข้อมูลเดือนก.ค. แสดงการลดลงของรายได้ YoY ซึ่งสวนทางกับการเติบโตที่ผ่านมา เนื่องจากฐานสูงและผลกระทบจากกัมพูชา
การเติบโตของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติมีแนวโน้มชะลอตัว จากรายได้จากผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ลดลงอย่างมาก และการเติบโตที่ช้าลงจากตะวันออกกลาง แม้จะมีความคืบหน้าในการติดต่อกับประเทศคูเวต แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาการกลับมาที่ชัดเจน
บล.เอเซียพลัส
บล.เอเซียพลัสระบุว่าโมเมนตัมกำไรไตรมาส 3/68 คาดปรับตัวดีขึ้น QoQ แต่เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนยังเป็นสิ่งท้าทาย จากฐานโรคระบาดที่สูงในช่วงเดียวกันปีก่อน, ปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ป่วยระดับปานกลาง อย่างเครือ รพ. พญาไท และเปาโล รวมถึงประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาที่แม้ภายนอกดูผ่อนคลายลง แต่สถานการณ์ยังยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน สะท้อนจากตัวเลขเดือน ก.ค. 2568 ที่รายได้จากผู้ป่วยกัมพูชาลดลงมากถึง 50% โดยรายได้ลูกค้าคนไทยชะลอตัว 3% YoY และต่างชาติลดลง 5% YoY หลักมาจากกลุ่ม CLMV ที่หดตัวมากถึง 26% YoY
อย่างไรก็ตาม BDMS ยังคงมุ่งมั่นในการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การปรับลดปริมาณการสต็อกยาเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา, ควบคุมค่าใช้จ่ายล่วงเวลา (OT) รวมถึงการทยอยชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี BOI
ผู้บริหารปรับเป้ารายได้ รพ. ปี 2568 ลงเล็กน้อย เป็นเติบโต 3-5% จากก่อนหน้าคาดเติบโต 4-6% YoY หลักๆ มาจากผลกระทบของรายได้ผู้ป่วยกัมพูชาที่ลดลง
เพื่อให้สอดคล้องกับมุมมองผู้บริหาร ฝ่ายวิจัยจึงปรับสมมติฐานรายได้ รพ. ลงเล็กน้อย มาอยู่ที่ 106,254 ล้านบาท เติบโต 2.5% YoY ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม แต่ว่ามีมุมมองเชิงบวกต่อ EBITDA Margin จากการที่ BDMS พยายามลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลง รวมถึงความรุนแรงของโรคที่ยังสูงจากการรักษาโรคซับซ้อน ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2568 อยู่ที่ 16,290 ล้านบาท แม้ขยายตัวเพียงเล็กน้อย 1.9% YoY แต่จากฐานสูงมากในปีก่อนโดยเฉพาะช่วงครึ่งหลัง
ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเชื่อได้ว่าสะท้อนความผิดหวังต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/68 ไปพอสมควร เพียงแต่ผลตอบแทนจากการลงทุนช่วงสั้นอาจจะยังไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ คงน้ำหนักการลงทุน Neutral ประเมินราคาเหมาะสมอิง DCF ที่ 29.00 บาท
บล.บัวหลวง
บล.บัวหลวงระบุว่า BDMS รายงานกำไรสุทธิ (กำไรหลัก) ที่ 3.49 พันล้านบาทใน ไตรมาส 2/68 เพิ่มขึ้น 5% YoY แต่ลดลง 20% QoQ จากรายได้จากการดำเนินงานรวม 2.71 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4% YoY และลดลง 5% QoQ) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด สะท้อนถึงธุรกิจหลักที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีอุปสรรคตามฤดูกาลในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.
รายได้จากธุรกิจโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 4% YoY เป็น 2.57 หมื่นล้านบาท สัดส่วนรายได้ปรับลดลงเล็กน้อยเป็นผู้ป่วยชาวไทย 72% และผู้ป่วยต่างชาติ 28% (จาก 73% ต่อ 27% ในไตรมาส 2/67) รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยเติบโต 3% YoY ขณะที่รายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 6% YoY เนื่องจากเงินทุนไหลเข้าที่แข็งแกร่งจากกาตาร์ (+45% YoY) เมียนมาร์ (+19%) และสหรัฐอเมริกา (+13%) ซึ่งมากกว่ารายได้ของกับพูชาที่ลดลง 23% YoY เนื่องมาจากข้อพิพาทพรมแดนไทย-กัมพูชา EBITDA เพิ่มขึ้น 7% YoY เป็น 6.13 พันล้านบาท ส่งผลให้ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 22.6% จาก 22.1% ตามที่คาด กำไรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/68 กำไรจากการดำเนินงานลดลง 5% QoQ EBITDA ลดลง 15% และกำไรสุทธิลดลง 20% เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติลดลง 16% QoQ หลังจากช่วงไฮซีซั่น รายได้ผู้ป่วยไทยทรงตัว QoQ
แนวโน้ม
บล.บัวหลวงระบุว่าแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2568 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง YoY ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากผ่านช่วงตกต่ำตามฤดูกาล บล.บัวหลวงคาดว่าจำนวนผู้ป่วยต่างชาติยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ผู้ป่วยจากตะวันออกกลางและสหรัฐอเมริกายังคงขยายตัว และการผ่อนคลายข้อพิพาทไทย-กัมพูชาน่าจะช่วยฟื้นฟูการไหลเวียนของนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) รายได้ผู้ป่วยไทยน่าจะเติบโตในระดับเลขตัวเดียวต่ำๆ เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ซบเซา แต่สถานพยาบาลใหม่ๆ เช่น การขยายสาขาที่เชียงใหม่และโรงพยาบาลพญาไทบ่อวินที่กำลังจะเปิดใหม่ จะช่วยหนุนให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น บล.บัวหลวงคาดกำไรหลักในไตรมาส 3/2568 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ
ประมาณการกำไรของบล.บัวหลวงสำหรับปี 2568 ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง โดยบล.บัวหลวงได้รวมรายได้ที่ได้รับจากโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชแห่งใหม่ และการขยายโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ รวมถึงการเปิดโรงพยาบาลพญาไทบ่อวินในไตรมาส 3/2568 ไว้ด้วย บล.บัวหลวงคำนึงถึงการลดลงของรายได้ในกัมพูชาในระยะสั้นเท่านั้น โดยคาดว่าแคมเปญการตลาดในประเทศอาเซียนอื่นๆ และตะวันออกกลางจะช่วยเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว
กำไรไตรมาส 2/2568 ของ BDMS แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นท่ามกลางความผันผวนตามฤดูกาลและปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ บริษัทยังคงดำเนินแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และยังคงได้รับประโยชน์หลักจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในภูมิภาค BDMS ซื้อขายที่ PER ปี 2568 ประมาณ 25.5 เท่า แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งและงบดุลที่แข็งแกร่ง บล.บัวหลวงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2568 ที่คำนวณจากวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ที่ 35 บาท (WACC ที่ 7.0%, terminal growth ที่ 2%)
# BDMS มุมมองโบรกหลังแจ้งงบฯไตรมาส 2/68