กาแฟพันธ์ุไทย โตแรง!ครึ่งปีแรกรายได้พุ่ง125% พระเอกหนุนผลประกอบการPTG
ในบรรดาเชนร้านกาแฟที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ต้องยอมรับว่า กาแฟพันธ์ุไทยเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นจากการเติบโตที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนผ่านรายได้ไตรมาส 2 และ ครึ่งแรกของปี 68 ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกิน 100% ขยายตัวมากกว่าแบรนด์คู่แข่งอย่างชัดเจน
SPOTLIGHT พาไปถอดความสำเร็จของกาแฟพันธุ์ไทยรวมถึงสำรวจผลประกอบการของธุรกิจภายใต้ PTG ล่าสุดกัน
กาแฟพันธุ์ไทย พระเอกหนุนรายได้ Non-Oil พุ่ง
ก่อนอื่นมาดูภาพรวมของธุรกิจที่อยู่ภายใต้ PTG หรือ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี กันก่อนถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ
1.Oil หรือ ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งเราเรียกกันแบบคุ้นเคยว่า ปั้มPT
2.Non Oil หรือ ธุรกิจในกลุ่มร้านอาหาร-เครื่องดื่ม และ อื่นๆ ซึ่งมีทั้งรูปแบบเปิดให้บริการอยู่ในปั้มน้ำมัน และ นอกปั้มน้ำมัน
ส่องผลประกอบการครึ่งแรกปี 68 PTG
ผลประกอบการรวมครึ่งแรกของปี 2568 พบว่า PTG มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 113,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.0% YoY มี EBITDA อยู่ที่ 3,236 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 0.5% กำไรสุทธิอยู่ที่ 498 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 31.9%
- ธุรกิจ Oil ทำรายได้ 102,942 ล้านบาท ลดลง 1.5% YoY ปริมาณขายรวม 3,366 ล้านลิตร ลดลง 2.0% YoY กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 5,517 ล้านบาท ลดลง 2.7% YoY โดยสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Oil ยังสูงที่สุดที่ 65.9%
- ธุรกิจ Non-Oil ทำรายได้ 10,961 ล้านบาท โตขึ้น 34.0% YoY หากตัดธุรกิจก๊าซ LPG ออก การเติบโตจะพุ่งเป็น 62.6% เทียบกับปีก่อน กำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2,849 ล้านบาท โต 62.0% YoY จากการบริหารต้นทุนและเพิ่มสัดส่วนสินค้ากำไรสูง
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ความน่าสนใจคือการเติบโตของธุรกิจในฝั่ง Non-Oil เติบโตแบบก้าวกระโดด จนกลายเป็นจุดเด่นของบริษัทในปีนี้ และพระเอกที่ทำให้ธุรกิจฝั่ง Non-Oil โตแรงก็มาจาก กาแฟพันธ์ุไทย นั่นเอง
- เจาะลึกเฉพาะร้านกาแฟพันธุ์ไทย สร้างรายได้ไตรมาส 2/2568 ถึง 1,219 ล้านบาท โตทะยาน 135.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและเพิ่มขึ้น 27 % เทียบรายไตรมาส ขณะที่ภาพรวมครึ่งแรกของปีกาแฟพันธุ์ไทยทำรายได้อยู่ที่ 2,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยปัจจุบันกาแฟพันธ์ุไทยมีจำนวนสาขาสิ้นไตรมาสอยู่ที่ 1,642 สาขา เพิ่มขึ้น 59.7% จากปีก่อน หรือ 614 สาขา คิดเป็นการขยายเฉลี่ยมากกว่า 1.7 สาขาต่อวัน
การเติบโตมาจากทั้งการขยายสาขาในทำเลศักยภาพ การออกแบบร้านให้ทันสมัย และการพัฒนาเมนูเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์พร้อมทางเลือกปรับแต่งตามใจลูกค้า
จากผลประกอบการของ PTG สะท้อนสถานการณ์การใช้พลังงานที่ลดน้อยลงตามเศรษฐกิจที่แผ่วลงไป โดยสถานีบริการน้ำมัน PT มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22.1% ดังนั้นเครื่องยนต์ใหม่อย่างกลุ่มธุรกิจ Non Oil จึงเป็นแรงส่งสำคัญ ทำให้ทาง PTG ได้ปรับเป้าการเติบโตของรายได้ Non-Oil (ไม่รวม LPG) ปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 40-50% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 50-60% และปรับเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นจาก 30-35% เป็น 35-40% พร้อมตั้งเป้าขยาย Touchpoints ให้ครบ 2,978 แห่งภายในสิ้นปี แบ่งเป็นร้านกาแฟพันธุ์ไทย 1,947 แห่ง และ Non-Oil Touchpoints อื่น ๆ อีก 1,031 แห่ง
กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ขยายสาขาเพิ่มและสร้างแบรนด์
มุมมองของ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTGมองว่า ครึ่งปีหลังบริษัทยังคงมีศักยภาพเติบโตจากการเร่งขยายสาขาและสร้างแบรนด์ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ควบคู่กับการต่อยอดฐานลูกค้าสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ในระบบนิเวศ Max World
และนอกจากสถานีบริการน้ำมันแล้ว PTG ยังเดินหน้าพัฒนาสถานีบริการ PT รูปแบบใหม่ นั่นก็คือ “PT GIGA EV” สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่เปิดให้บริการภายใต้แนวคิดกะทัดรัดใช้พื้นที่คุ้มค่า และเข้าถึงง่าย โดยผสานการให้บริการชาร์จไฟฟ้า EleX by EGAT PT จำนวน 5 ตู้ชาร์จ รวม 10 หัวชาร์จ รองรับกำลังอัดประจุสูงสุด 180 kW ควบคู่กับการให้บริการจากร้านกาแฟพันธุ์ไทย, Subway และ Autobacs ภายในจุดเดียว เพื่อมอบประสบการณ์แบบครบวงจรให้แก่ผู้ใช้บริการ และเชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ผ่านกลุ่มลูกค้าสมาชิก ทั้งกลุ่มผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ทั่วไป ตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจุบันสถานี PT GIGA EV แห่งแรกตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าว–วังหิน ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่มีกำลังการเติบโตของชุมชนเมือง และได้เปิดให้บริการแล้วในเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
นี่คือรูปแบบสถานีโมเดลแห่งอนาคตที่สามารถต่อยอดไปยังทำเลอื่น ๆ เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของตลาด และสร้างโอกาสเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง
ที่มา:คำอธิบายและวิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาส2/2568 ตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทย