นักวิชาการ หนุนเพิ่มสวัสดิการ ‘แม่’ เห็นด้วยสิทธิลาคลอด 180 วัน
นักวิชาการ มธ. เห็นด้วยเพิ่มสวัสดิการ ‘แม่’ ผลักดันสิทธิลาคลอดจาก 98 วัน เป็น 180 วัน ตามมาตรฐาน WHO ควบคู่จัดนโยบายดูแลครบวงจร จะช่วยให้ประเทศไทยฝ่าปัญหาเด็กเกิดน้อย-คนไม่พร้อมมีลูกได้ ชวนลุ้นวุฒิสภาถกแก้กฎหมาย เปิดช่องให้ลาคลอดได้ 120 วัน ชี้เป็นเป้าหมายเบื้องต้น ก่อนไปถึง 180 วัน
ผศ.ดร.กฤษฎา ธีระโกศลพงศ์ อาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ …) พ.ศ. …. เปิดเผยว่า เนื่องในวาระวันแม่แห่งชาติ อยากเชิญชวนสังคมไทยให้ความสำคัญกับว่าที่คุณแม่ หรือผู้หญิงวัยทำงานที่กำลังวางแผนจะเป็นแม่ ตลอดจนผู้ที่กำลังชั่งใจว่าจะมีบุตรดีหรือไม่ด้วย
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเป็นสังคมสูงวัยและเผชิญกับปัญหาอัตราการเกิดต่ำ หรือเด็กเกิดน้อย ส่วนตัวเชื่อว่าการเพิ่มสิทธิและสวัสดิการทางสังคมบางประการจะช่วยให้ว่าที่คุณแม่เบาใจลง มีความมั่นใจ และตัดสินใจมีบุตรได้มากขึ้น
“ในปี 2555 มีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมใช้สิทธิคลอดบุตรมากกว่า 3 แสนครั้ง ทว่าในปี 2567 กลับเหลือเพียง 2.2 แสนครั้ง หรือลดลงราว 26% ตัวเลขนี้สะท้อนว่าอัตราการเกิดของเด็กลดลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราวัยแรงงานน้อยลงตาม ดังนั้นสังคมควรจะหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาสวัสดิการสังคมเพื่อเอื้อให้คนรู้สึกเบาใจในการมีลูกมากขึ้น” ผศ.ดร.กฤษฎา กล่าว
ผศ.ดร.กฤษฎา กล่าวว่า หนึ่งในสิทธิและสวัสดิการสังคมที่ควรสนับสนุนและผลักดันให้เกิดขึ้นในประเทศไทย คือการลาคลอด 180 วัน ซึ่งปัจจุบันกฎหมายให้ลาได้ 98 วัน และปัจจุบันสภาอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแก้กฎหมายเพื่อขยับขึ้นมาเป็น 120 วัน แต่ก็ยังไม่ถึง 180 วัน ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แนะนำและกำหนดมาตรฐานเวลาที่พ่อแม่ควรมีหรือแบ่งมาดูแลลูก ซึ่งอยู่ที่ 180 วัน
ผศ.ดร.กฤษฎา กล่าวต่อไปว่า ล่าสุดสภาผู้แทนราษฎร ได้ผ่าน (ร่าง) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งมีสาระสำคัญคือให้ลาคลอดได้ 120 วันแล้ว โดยเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2568 ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติรับร่างกฎหมายไว้พิจารณาและมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ …) พ.ศ. …. จํานวน 27 คน และเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2568 มีการประชุมไปแล้ว 1 ครั้ง
จึงอยากเชิญชวนให้สังคมช่วยกันจับตาและเอาใจช่วยให้วุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบก่อนจะนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อลงพระปรมาภิไธยเเละประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ ควรจะดำเนินการไปตามขั้นตอนดังกล่าว หากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจนทำให้มีการยุบสภาไปเสียก่อน
สำหรับการลาคลอด 180 วัน เป็นสิ่งที่ภาคประชาสังคมพยายามผลักดันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 แต่ในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ สภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติออกมาเป็น 120 วัน ดังนั้น เป้าหมายเบื้องต้นของเครือข่ายผู้ผลักดันสิทธิและสวัสดิการดังกล่าวยังยืนยันตามนี้ แต่นั่นคงไม่ใช่เป้าหมายปลายทางที่ภาคประชาสังคมต้องการ
ผศ.ดร.กฤษฎา กล่าวต่อไปด้วยว่า สิทธิการลาคลอดเป็นเพียงมิติหนึ่งในการสร้างสวัสดิการทางสังคม เพื่อทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกอุ่นใจ มั่นคงสำหรับการสร้างครอบครัว แต่การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น ภาครัฐควรทำหน้าที่ในการส่งเสริมอย่างรอบด้าน เชื่อมโยงให้กลายเป็นชุดนโยบายการดูแลอย่างครบวงจร ทั้งด้านการบริการ เช่น การบริการสุขภาพแม่และเด็ก บริการดูแลเด็กในบ้าน ชุมชน และศูนย์เด็กเล็ก สิ่งอำนวยความสะดวกในการให้นมลูก ด้านสิทธิ เช่น การได้รับความคุ้มครองจากการเลือกปฏิบัติความรุนแรงและการคุ้มครองการจ้างงาน รวมไปถึงสิทธิการมีชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ยังมีชุดนโยบายด้านเวลา เช่น การลาเพื่อดูแลครอบครัว เวลาพักสำหรับให้นมลูก และนโยบายส่งเสริมความมั่นคงทางรายได้ เช่น เงินสนับสนุนสำหรับลาคลอด การลาให้นมลูก และลาเพื่อดูแลครอบครัวระยะยาว
“สังคมควรจะดูแลสวัสดิการให้รอบด้าน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องแบกรับบทบาทในการเป็นแม่และต้องสูญเสียโอกาสบางอย่างในชีวิตไป รูปธรรมที่ชัดเจน เช่น การคำนวณเงินบำนาญของประกันสังคม หากผู้หญิงต้องลาออกจากที่ทำงานเพื่อมาทำหน้าที่ในการดูแลลูกเป็นช่วง ๆ บางคนลาออกมาตั้งแต่ตั้งครรภ์ เมื่อคลอดออกมาก็ทำหน้าที่ดูแลให้นมลูกแล้วกลับไปทำงานต่อ ก็ทำให้ขาดการส่งเงินสมทบประกันสังคมไป เพียงแค่การลาออกเท่านี้ ก็สามารถกระทบกับสิทธิตัวเองในช่วงหลังเกษียณแล้ว
ยังไม่รวมมิติอื่น ๆ ที่เอื้ออำนวย เช่น สวัสดิการห้องให้นมลูกในที่ทำงาน ระยะเวลาพักสำหรับการให้นมลูก หรือสถานที่ดูแลเด็กในที่ทำงาน สิ่งเหล่านี้ เราต้องร่วมกันออกแบบเพื่อทำให้คุณแม่ได้ทำหน้าที่แม่ได้อย่างสมบูรณ์” ผศ.ดร.กฤษฎา กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : นักวิชาการ หนุนเพิ่มสวัสดิการ ‘แม่’ เห็นด้วยสิทธิลาคลอด 180 วัน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net