Gen X ไม่มีใครอยากจ้าง? Ageism ปัญหาเงียบที่ทำงาน 90% เคยถูกเหยียด
ไม่นานมานี้ มีคลิปไวรัลกระแสแรงของวัยทำงานรุ่น Gen X คนหนึ่งออกมาตัดพ้อว่า พวกเขาคือกลุ่มคนทำงานที่ไม่มีใครอยากจ้างงานอีกต่อไป ถ้าใครตกงานก็ยิ่งหางานยาก อีกทั้งยังสะท้อนถึงปัญหาเกี่ยวกับการเหยียดอายุ (Ageism) ในที่ทำงานอีกด้วย ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกแชร์ต่อรัวๆ และชาวเน็ตก็หยิบยกประเด็นนี้มาถกเถียงในโลกออนไลน์อย่างล้นหลาม
โดยคนต้นเรื่องดังกล่าวก็คือ แบรดลีย์ ริชาร์ดสัน (Bradley Richardson) ชายวัย 58 ปี อดีตพนักงานมืออาชีพของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันเขาผันตัวมาสอนคอร์ส “ทักษะชีวิตผู้ใหญ่” ออนไลน์ ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2025 ที่ผ่านมาเขาได้กลายเป็นกระแสบนโซเชียล หลังโพสต์วิดีโอบน Instagram พร้อมข้อความชวนคิดว่า “ผมอาจจะไม่มีวันได้งานอีกเลยเพราะอายุของผม”
Bradley Richardson
แม้จะมีทั้งทักษะและประสบการณ์เต็มเปี่ยม ริชาร์ดสันเชื่อว่า ด้วยอายุที่เกิน 50 ปีของเขา กลายเป็นเงื่อนไขที่ตัดสิทธิ์ของเขาจากงานประจำในตลาดแรงงาน เขากล่าวว่า “ผมยังหาเงินให้บริษัทได้ แต่คงไม่มีวันได้กลับไปเป็นลูกจ้างอีก” ซึ่งโพสต์นี้มียอดกดไลก์เกือบ 30,000 ครั้ง และคอมเมนต์กว่า 4,000 ข้อความ
เสียงสะท้อนจาก Gen X และ Boomer อคติเรื่องอายุมีอยู่จริง!
ความคิดเห็นของริชาร์ดสันทำให้คนทำงานรุ่น Gen X และ Baby Boomer จำนวนมาก เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์ตรง โดยบางคนบอกว่า ปัญหายิ่งซับซ้อนขึ้น หากผู้หางานเป็นคนจากกลุ่มชายขอบ (marginalized communities) เพราะเชื้อชาติ เพศสภาพ หรือรสนิยมทางเพศ อาจกลายเป็นปัจจัยซ้ำเติมให้พวกเขาถูกการเลือกปฏิบัติในที่ทำงานเพิ่มขึ้นไปอีก
ข้อมูลจากเว็บไซต์สร้างเรซูเม่ Resume Now ยืนยันข้อกังวลนี้ โดยพบว่า 90% ของพนักงานอายุเกิน 40 ปี เคยเจอการเลือกปฏิบัติด้านอายุในที่ทำงาน และเกือบครึ่งหนึ่ง เคยเห็นนายจ้างจ้างแต่วัยทำงานคนรุ่นใหม่อายุน้อยเป็นหลัก
เมื่อตรวจสอบคอมเมนต์ใต้คลิปวิดีโอไวรัลดังกล่าว พบว่า ชาวเน็ตหลายคนต่างก็บอกว่ากำลังเผชิญสถานการณ์คล้ายกัน ยกตัวอย่างบางข้อความ เช่น “ฉันอายุ 46 ปี และฉันเริ่มรู้สึกถึงการเหยียดอายุแล้วในสายงานของฉัน” ขณะที่อีกข้อความระบุว่า “ฉันอายุ 42 ปี และเข้าใจสถาณการณ์นี้อย่างลึกซึ้งเลยล่ะ”
แต่อย่างไรก็ตาม ยังก็มีอีกหลายเสียงที่เขียนข้อความให้กำลังใจ โดยมาจากกลุ่มคน Gen X ที่ยังหางานได้แม้อายุเกิน 50 ปีแล้วก็ตาม เช่น “ย้อนไปตอนอายุ 58 ปี ฉันต้องหางานใหม่เหมือนกัน แม้จะใช้เวลานานสองสามเดือน แต่ในที่สุดก็ได้งานที่ดีที่สุดในชีวิต”
อีกข้อความระบุว่า “ผมเพิ่งจ้างคนอายุ 60 ปี และ 63 ปี เข้าทำงานในบริษัท เพราะเขาเป็นผู้สมัครที่ยอดเยี่ยม” รวมถึงอีกคนบอกว่า “ผมได้งานตอน 62 ปี ตอนนี้อายุ 65 ปี ซึ่งล่าสุดได้แจ้งไปว่าอยากจะเกษียณ แต่บริษัทกลับให้ขึ้นเงินเดือน 8% พร้อมตอบกลับมาว่า ‘คุณไปจากเราไม่ได้’ ซึ่งทำให้ผมยังมีงานทำอยู่”
ถ้าเจอ Ageism ในที่ทำงาน ควรทำอย่างไร?
อัลเบิร์ต ริซโซ (Albert Rizzo) ทนายความด้านแรงงานในย่าน Midtown East แนะนำว่า หากวัยทำงานรุ่นใหญ่ คิดว่าตนเองกำลังถูกเลือกปฏิบัติด้านอายุ เช่น ถูกเลิกจ้างเพราะอายุ หรือถูกมอบตำแหน่งให้คนอายุน้อยกว่า ควรปรึกษาทนายความด้านแรงงานโดยตรง
ริซโซอธิบายว่า ทนายจะพิจารณาว่าการกระทำของนายจ้างเกี่ยวข้องกับการเหยียดอายุของพนักงานหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากการกระทำใดๆ ก็ตาม ที่เป็นผลเสียโดยตรงต่อพนักงานคนนั้นๆ เช่น ไม่ให้เลื่อนตำแหน่งตามสมควร, ปฏิเสธสิทธิประโยชน์ให้คนอายุมาก ทั้งที่ให้สิทธิเดียวกันกับพนักงานอื่นๆ หรือกีดกันจากการเข้าร่วมประชุมและโครงการสำคัญของทีม ฯลฯ
หากทนายความด้านแรงงานสืบทราบพบเบาะแส และมีหลักฐานยืนยันได้จริง อาจถือเป็นเหตุให้พนักงานที่ถูกเหยียดอายุยื่นฟ้องเอาความได้
อ้างอิง: New York Post, Bradley Richardson, Resume now