โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

แข่งกับ 130 ประเทศ 'ดร.พิรุณ' ชี้ ไทยต้องมีแผน Climate Change ชัด หากหวังทุนโลก

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จัดประชุมเผยแพร่และรับฟังความคิดเห็นการจัดทำแนวทางการขอรับการสนับสนุนทางการเงินด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance Adaptation) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และคู่มือแนวทางการเข้าถึงแหล่งงบประมาณทั้งในและต่างประเทศ สำหรับหน่วยงานที่ดำเนินกิจกรรมด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย

ผลกระทบโลกร้อน ถี่ขึ้น-รุนแรงขึ้น

"ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช" อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุม โดยเน้นย้ำถึงวัตถุประสงค์หลักคือการหาแนวทางให้ประเทศไทยสามารถปรับตัวรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพางบประมาณภาครัฐมากจนเกินไป

"ดร.พิรุณ" ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลให้ภัยพิบัติธรรมชาติมีความรุนแรง ความถี่ และรูปแบบที่แปรปรวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ยากต่อการรับมือและก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง โดยไม่เลือกเป้าหมาย ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นจริง ตัวอย่างผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น

  • สหรัฐอเมริกา: ในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา แม้นโยบายจะไม่ได้เน้นการแก้ไขปัญหาโดยตรง แต่ความถี่ของภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากค่าเฉลี่ย 9 ครั้งต่อปี กลายเป็น 23-29 ครั้งต่อปี โดยการเพิ่มขึ้นนี้เพิ่งเกิดในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำให้สหรัฐฯ สูญเสียไปแล้วกว่า 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากความรุนแรงของปรากฏการณ์เหล่านี้
  • สถานการณ์ในประเทศไทย: ภาคเหนือของไทยเผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำซากหลายครั้งในปีนี้
  • ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม: ภาคการท่องเที่ยวสูญเสียรายได้เบื้องต้นกว่า 5,000 ล้านบาท แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ผลกระทบต่อจิตใจและการดำรงอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งยากที่จะเยียวยาได้ ดังกรณีคาเฟ่ที่จังหวัดน่านที่ถูกน้ำท่วมมิดหลังคาถึงสองครั้งภายในเวลาไม่ถึงปี ทำให้ยากต่อการฟื้นตัว

ความท้าทายด้านการเข้าถึงแหล่งทุน

"ดร.พิรุณ" ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้เงินในระบบการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกว่า 150,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เน้นไปที่ 2 สาขาหลักคือ การเกษตร และการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นสาขาที่มีความเสี่ยงสูงในแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวครอบคลุมถึง 6 สาขาที่มีความเสี่ยง ได้แก่ การท่องเที่ยว สาธารณสุข การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการตั้งถิ่นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งยังต้องการงบประมาณภาครัฐอีกเป็นจำนวนมาก

สำหรับภาพรวมของอาเซียน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในปี 2030-2073 ทั้งในการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัว อาเซียนต้องการเงินประมาณ 422 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยประมาณ 290 ล้านเหรียญฯ สำหรับการลดก๊าซเรือนกระจก และอีกกว่า 100 ล้านเหรียญฯ สำหรับการปรับตัว

“แม้ในระดับภูมิภาค เงินทุนสำหรับการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวอาจไม่สมดุลกัน แต่ในภาพรวมระดับโลก การเงินด้านการปรับตัวควรถูกผลักดันให้ใกล้เคียงกับการเงินด้านการลดก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น รายงาน Climate Risk Index ของ German Watch แสดงให้เห็นว่า 10 ประเทศแรกที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดจากภัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะประเทศในอาเซียน”

กลไกเข้าถึงแหล่งเงินทุนระหว่างประเทศ

"ดร.พิรุณ" กล่าวว่า การเข้าถึงกลไกทางการเงินระหว่างประเทศจำเป็นต้องมี เป้าหมายที่ชัดเจนของประเทศ และการขับเคลื่อนนโยบายอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ประเทศไทยมีแผนการปรับตัวแห่งชาติ (National Adaptation Plan หรือ NAP) ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและได้ส่งให้สำนักเลขาธิการ UN ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยระบุ 6 สาขาที่เปราะบางและมีความเสี่ยง

แหล่งเงินทุนสำคัญที่สามารถเข้าถึงได้ ได้แก่

  • กองทุนการปรับตัว (Adaptation Fund) ซึ่งมีเงินหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 700 กว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ)
  • กองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund - GCF) ที่มีเงินหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และบริหารจัดการเงิน 50/50 ระหว่างการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัว
  • กองทุนความร่วมมือทวิภาคี เช่น International Climate Initiative (เยอรมนี) และ International Climate Fund (สหราชอาณาจักร)
  • ธนาคารพัฒนาพหุภาคี อย่าง ADB และ World Bank

ขีดความสามารถ เขียนข้อเสนอโครงการ

"ดร.พิรุณ" เน้นย้ำว่า การแข่งขันเพื่อเข้าถึงเงินทุนจากแหล่งต่างๆ เป็นไปอย่างเข้มข้น เนื่องจากมีประเทศกำลังพัฒนากว่า 130 ประเทศที่มุ่งเป้าขอเงินจากแหล่งเดียวกัน ดังนั้น ขีดความสามารถของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในการเขียนข้อเสนอโครงการจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เกณฑ์การพิจารณาเงินทุนจะพิจารณาจากหลายปัจจัย ดังนี้

  • หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน เชื่อมโยงถึงผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • ตัวชี้วัดที่มีความชัดเจน สามารถติดตาม ประเมินผล และรายงานกลับไปยัง UNFCCC ได้
  • ความยั่งยืนของโครงการ หลังจากสิ้นสุดการดำเนินงาน
  • การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่

“ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จในการได้รับเงินสนับสนุนแบบให้เปล่า เช่น 15-16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก UNDP สำหรับการบริหารจัดการน้ำภาคเหนือ และ 43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก GIZ สำหรับโครงการเกษตร. อย่างไรก็ตาม ยอดรวมกว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นี้ ยังไม่เพียงพอต่อการปรับตัวของประเทศไทยใน 6 สาขา และทำได้เพียงโครงการนำร่องเท่านั้น”

ระบบนิเวศทางการเงินภายในประเทศ

นอกจากการเข้าถึงเงินทุนระหว่างประเทศแล้ว "ดร.พิรุณ" ชี้ว่า ประเทศไทยต้องสร้างระบบนิเวศทางการเงินภายในประเทศ ที่สามารถขับเคลื่อนการปรับตัวได้ เช่น เงินทุนจากสถาบันการเงินภายในประเทศ ในอนาคตประเทศไทยจะมี "กองทุนภูมิอากาศ" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี พ.ร.บ. ดังกล่าวเมื่อประกาศใช้ จะเข้ามาสนับสนุนการทำงานด้านการปรับตัวในทุกมิติของประเทศไทยให้เกิดความสมดุล

ความเร่งด่วนที่ละเลยไม่ได้

"ดร.พิรุณ" เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของการปรับตัวว่า เป็นสิ่งที่ประเทศจะละเลยไม่ได้ เพราะองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ได้ประกาศแล้วว่า ในปี 2024 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกได้สูงขึ้นถึง 1.55 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภัยพิบัติธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ถี่ขึ้น และมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป

โครงการจัดทำแนวทางเข้าถึงการเงินด้านการปรับตัวนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของทุกคน ที่ต้องช่วยกันทั้งในด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัว

"เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมแลกเปลี่ยน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทยในการเข้าถึงเงินทุนให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การปรับตัวที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และสังคมที่มีภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ดร.พิรุณ กล่าวทิ้งท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'อนุทิน' คาดเลือกตั้งปี69 อุบ'นิพนธ์' ซบภท.นายกฯลาออกลุ้นศาล

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

2 ปี ‘บีนส์ คอฟฟี่ โรสเตอร์’ โตแรง มีร้าน 15 สาขา เสิร์ฟลูกค้า

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'สุดาวรรณ' นำทีมถวายพระพร 'พระพันปีหลวง' พร้อมดัน 'อว.แฟร์2025'

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ถอดรหัสประธานาธิบดีบราซิลยกหู‘สี จิ้นผิง’ หาพวกต้านทรัมป์

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...