ข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ไม่มีจริงยิ่งซับซ้อน มหาอำนาจเสียบ
สถานการณ์ปะทะและการเจรจาที่ยังคงดำเนินอยู่
แม้จะมีการตกลงหยุดยิงและเจรจาแล้ว การปะทะด้วยอาวุธยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายไทยยังคงยืนกรานว่าจะไม่ไว้วางใจกัมพูชา และพร้อมให้ประชาคมโลกเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา กองทัพบกประณามการกระทำของกองทัพกัมพูชาและพร้อมดำเนินการอย่างเด็ดขาดหากยังมีการละเมิดอธิปไตย นอกจากนี้ ยังมีรายงานการจับกุมทหารกัมพูชาได้ประมาณ 20 นายที่ซำแต
ยุทธวิธีของทหารไทย
ทหารไทยพยายาม ตีคืนพื้นที่ที่ถูกยึดไปเพื่อใช้เป็นอำนาจต่อรองในการเจรจา พร้อมกันนั้นก็ป้องกันพื้นที่ที่ควบคุมได้แล้วจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา
การเจรจาระดับภูมิภาคและความหวังจาก JBC
แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เจรจากับทหารฝ่ายภูมิภาคของกัมพูชา และมีการตกลงเบื้องต้นที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาชายแดน ทุกฝ่ายกำลังจับตาการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (JBC) ในวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งอาจนำไปสู่การหยุดยิงได้
การเปรียบเทียบกำลังทหาร: ไทยเหนือกว่าแต่ไร้เอกภาพทางการเมือง
โดยรวมแล้ว ไทยมีศักยภาพเหนือกว่ากัมพูชาในด้านกำลังพล งบประมาณ และอาวุธยุทโธปกรณ์ อย่างไรก็ตาม จุดที่ไทยอาจเสียเปรียบคือ การตัดสินใจเชิงนโยบายที่ยังขาดเอกภาพระหว่างการเมืองและกองทัพ
บทบาทมหาอำนาจ: "โรคแทรกซ้อน" ที่ต้องจับตา
มีการกล่าวถึง "โรคแทรกซ้อน" จากประเทศที่สามในการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกาและจีน เข้ามามีบทบาทในฐานะผู้สังเกตการณ์หรือผู้กำกับการเจรจา ฝ่ายไทยได้แจ้งให้ประชาคมโลกทราบถึงการกระทำของกัมพูชา มีการวิเคราะห์ว่าสหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ให้ความสนใจความขัดแย้งนี้เป็นพิเศษ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดบทบาทของจีนในภูมิภาค และอาจหวังรางวัลโนเบล บทบาทของมหาอำนาจที่เข้ามาเกี่ยวข้องนี้อาจทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งบานปลายหรือยุติลงก็ได้
ที่มาประกอบเนื้อหาข่าว เนชั่นอินไซต์