ไปตลาดก็เจอ! อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงกว่าเนื้อวัว 5 เท่า แถมกรองไขมัน "ไม่ดี" ได้
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงกว่าปริมาณในเนื้อวัวถึง 5 เท่า และยังช่วยกรองไขมัน “ไม่ดี” ได้อย่างยอดเยี่ยม แค่ไปตลาดก็เจอได้ง่าย ๆ
ธาตุเหล็กถือเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อร่างกายมนุษย์ เป็นส่วนประกอบหลักในการสร้างฮีโมโกลบิน โปรตีนในเม็ดเลือดแดง หากขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง เหนื่อยล้า ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และสมาธิลดลง ดังนั้นการรับธาตุเหล็กจากอาหารจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพูดถึงอาหารที่มีธาตุเหล็ก หลายคนมักนึกถึงเนื้อวัว แต่แท้จริงแล้วมีอาหารง่าย ๆ ที่หาซื้อได้ทั่วไปตามตลาด ที่มีปริมาณธาตุเหล็กสูงกว่ามาก นั่นคือ “งา”
ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) ในงาคั่ว 100 กรัม มีธาตุเหล็กถึง 14.6 มิลลิกรัม ขณะที่เนื้อวัว 100 กรัม มีเพียงประมาณ 2.6 มิลลิกรัมเท่านั้น ดังนั้นงาจึงให้ธาตุเหล็กมากกว่าเนื้อวัวถึงกว่า 5 เท่า จึงเป็นแหล่งธาตุเหล็กจากพืชที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมธาตุเหล็กเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
นอกจากธาตุเหล็กที่มากมาย งายังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ เช่น โปรตีน 17.7 กรัม ใยอาหาร 11.8 กรัม แคลเซียม 989 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 356 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 638 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 475 มิลลิกรัม สังกะสี 7.7 มิลลิกรัม ทองแดง 4.08 มิลลิกรัม แมงกานีส 2.46 มิลลิกรัม และซีลีเนียม 34.4 ไมโครกรัม
นอกจากนี้ งายังมีวิตามินบีหลายชนิด เช่น B1, B2, B3, B6, B9 รวมถึงวิตามิน A และวิตามิน E ในปริมาณเล็กน้อยอีกด้วย
ประโยชน์อื่น ๆ ของงา
นอกจากช่วยดูแลสุขภาพหัวใจแล้ว การรับประทานงาเป็นประจำยังมอบประโยชน์ดี ๆ อีกหลายประการ ได้แก่
ต้านการอักเสบและต่อต้านอนุมูลอิสระ: งาประกอบด้วยสารสำคัญ 2 ชนิด คือ เซซามิน (sesamin) และเซซาโมล (sesamol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี งานวิจัยในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry พบว่าเซซามินช่วยยับยั้งการสร้างโมเลกุลที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและข้ออักเสบ ส่วนเซซาโมลช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ชะลอวัย และลดความเสี่ยงมะเร็ง
ดีต่อกระดูก: งาจัดเป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูงมาก โดยในงา 100 กรัม มีแคลเซียมถึง 989 มิลลิกรัม จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน
ปกป้องระบบประสาท: แร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แมกนีเซียม สังกะสี และทองแดงในงามีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบประสาท ช่วยปรับปรุงการนอนหลับ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetes & Metabolic Syndrome: Clinical Research and Reviews พบว่างามีความสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และตามข้อมูลจาก Healthline เซซามินในงาช่วยควบคุมเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญกลูโคส ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่หลังมื้ออาหาร