คุยกับหัวเรือใหญ่ Upbit Thailand แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยากให้ลูกค้าลงทุนอย่างปลอดภัยและมีความรู้
ในยุคที่ทางเลือกในการลงทุนมีความหลากหลาย หากสังเกตจะเห็นว่าหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตและน่าจับตามองที่สุดในยามนี้คืออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล
เมื่ออุตสาหกรรมได้รับความนิยมสูงขึ้น มีผู้ลงทุนแข่งขันกันมากมาย หลายคนจึงมองหาตัวช่วยเพื่อให้การลงทุนเป็นไปได้ดีมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ Upbit ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ก่อตั้งครั้งแรกในประเทศเกาหลีใต้เมื่อปี 2017
หลายปีผ่านไป Upbit ได้ขยับขยายการให้บริการไปยังหลายประเทศซึ่งรวมถึงประเทศไทยที่เปิดให้บริการภายใต้ชื่อ Upbit Thailand เมื่อปี 2021 โดยได้รับอนุญาตตามกฎหมายไทย อย่างไรก็ดี Upbit Thailand ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจแก่นักลงทุน แต่ยังเป็นศูนย์ซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมาตรฐานและมีความปลอดภัยที่สามารถช่วยให้นักลงทุนลด ‘ความเสี่ยง’ ที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการการลงทุน ไม่เพียงแค่เรื่องการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ในวาระที่ Upbit Thailand ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 คอลัมน์ Play Risk ชวนคุณปรีชา ไพรภัทรกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (CEO) บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด มาคุยกันถึงเบื้องหลังการให้บริการแพลตฟอร์มที่เป็นที่รักของนักลงทุนหลายคน แนวคิดในการออกแบบบริการของพวกเขา ความท้าทายในการทำธุรกิจ และการบริหารความเสี่ยงของนักลงทุนหน้าใหม่ ในยุคที่ใครๆ ก็อยากกระโดดเข้ามาลงทุนกันทั้งนั้น
ปัจจุบันสถานการณ์ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับสากลเป็นยังไงบ้าง
เวลาพูดถึงสินทรัพย์ดิจิทัล คนมักนึกถึงบิตคอยน์ เพราะด้วยราคาที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีนักลงทุนจำนวนมากเริ่มกลับมาสนใจอีกครั้ง ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีทั้งที่เกิดจากปัจจัยเชิงบวกและเชิงลบ และมักจะเกิดขึ้นจากข่าวต่างๆ ซึ่งเป็นตัวผลักดันกระแสในหมู่ผู้ลงทุนทั้งรายเดิมและรายใหม่ให้เข้ามาทำการซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ปริมาณการเทรดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่น่าจับตามอง อย่างไรก็ดี สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสิ่งที่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่เหมาะกับคนที่รู้จักและเข้าใจสินทรัพย์ดิจิทัล คำว่ารู้จักหมายถึงรู้ว่ามันคืออะไร ลงทุนด้วยวัตถุประสงค์อะไร
หากเรามีสินทรัพย์สักก้อนแล้วอยากนำมาลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัล จริงๆ ทำได้หลายวิธี ซึ่งวิธีที่คนส่วนใหญ่ทำคือการจัดสรร (allocation / diversification) ทรัพย์สินที่ตัวเองมีมาลงทุน เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง เพราะราคาที่สูงสุดกับต่ำสุดในหนึ่งวันอาจห่างกันเกินกว่า 30% ได้เลย ดังนั้นถ้าเราลงทุนเยอะอาจมีโอกาสที่จะเสียหายเยอะ อีกวิธีการหนึ่งคือการใช้อัลกอริทึมมาจับเทรนด์แนวโน้มของราคาแล้วลงทุน โดยใช้โรบอตในการเทรด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการว่ามีอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ให้กับนักเทรดหรือเปล่า
ที่บอกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง สูงอย่างไร
เริ่มจากตัวสินทรัพย์ดิจิทัลเอง ถ้าตลาดหรือศูนย์ซื้อ-ขายไม่มีการคัดกรองสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสม สินทรัพย์ดิจิทัลที่นำมาให้บริการอาจมีคุณลักษณะที่ไม่ดีพอ
ลักษณะของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดี ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าถ้ามันมีจำนวนเจ้าของมาก (decentralisation) และผู้ออกเหรียญไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) และผู้ออกเหรียญมีประสบการณ์การทำงาน ตลอดจนสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ถูกให้บริการและเทรดอยู่ในหลายตลาด มันก็ไม่สามารถปั่นราคาหรือทำให้กลไกตลาดบิดเบือนได้ง่าย สินทรัพย์ดิจิทัลก็จะมีความน่าเชื่อถือสูงและมีความโปร่งใสต่อผู้ลงทุน เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถบริหารความเสี่ยงตรงนี้ด้วยการเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสมก็จะสามารถลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดกับนักลงทุนได้
ในแง่มูลค่า สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง
สิ่งที่จะนิยามมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนใหญ่คืออุปสงค์และอุปทานของตลาด ซึ่งเกิดขึ้นหลายรูปแบบ อุปสงค์อาจจะเกิดจากการแย่งกันซื้อเพราะเห็นโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้น หรือเกิดจากการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้จริงๆ
ถามว่าแล้วสินทรัพย์ดิจิทัลเอาไปใช้จริงๆ ได้เหรอ ทุกวันนี้ก็มีการใช้อยู่ทั่วโลก ทั้งใช้โอนเงินระหว่างประเทศ ใช้ในการแลกเปลี่ยน หรือแลกสินค้าและบริการ คุณสมบัติ ฟีเจอร์ หรือสิทธิ์บางอย่าง ซึ่งถ้ามีปริมาณการใช้เยอะ มันก็จะเกิดการแข่งกันเข้าไปซื้อ พอแข่งกันเข้าไปซื้อ ราคาก็จะสูงขึ้น
ถ้าให้ผมเปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนตลาดของเงินตรา เงินตราเนี่ยจะออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ถูกนำมาใช้ใน 2 ลักษณะคือเอามาชำระหนี้ตามกฎหมายและใช้แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ เวลามีการนำเข้าและส่งออก เขาจะใช้เงินตราในการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ซึ่งถ้ามีการส่งออกเยอะแปลว่าค่าเงินของเราเป็นที่ต้องการ ราคาค่าเงินจะแข็งขึ้น ถ้านำเข้าเยอะกว่าค่าเงินเราจะอ่อนลง ดังนั้นเงินตราจะมีการเพิ่มขึ้นและลดลง กระบวนการซื้อ-ขายจากการนำเข้าและส่งออก ในภาษาทางการเงินเราเรียกว่า trade finance ซึ่งมีคนที่เก็งกำไรจากค่าเงินที่เพิ่มและลด
สินทรัพย์ดิจิทัลก็เช่นกัน ถึงแม้จะมีประโยชน์ในระดับหนึ่ง แต่คนก็ไปเก็งกำไรกับมัน จนทำให้ตลาดและปริมาณซื้อ-ขายเพิ่มจำนวนขึ้น เมื่อความต้องการสูงขึ้น ราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ และถือว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่เติบโตเร็ว
ในมุมมองของคุณ สินทรัพย์ดิจิทัลมีอิทธิพลต่อโลกของเราในแง่ไหน
ทุกวันนี้มีความพยายามจะสร้างฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับสินทรัพย์ดิจิทัล เดิม ตอนที่บิตคอยน์เกิดขึ้น มีฟีเจอร์แค่รับและส่ง ต่อมาเมื่อมีสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ เกิดขึ้น เขาก็มีการเพิ่มเรื่อง smart contract มีเงื่อนไขมาปรับปรุงเรื่องความสามารถในการประมวลผลและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการเอาสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้กับอัลกอริทึมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริการทางการเงิน เช่น บริหารจัดการลิขสิทธิ์หรือคาร์บอนเครดิต
เมื่อมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น มันก็จะเกิดผลกระทบใหญ่ เพราะความสามารถในการสเกลธุรกิจของบล็อกเชนนั้นง่ายกว่าธุรกิจแบบดั้งเดิม ถามว่าง่ายแค่ไหน ผมเทียบว่าการออกบัตรเครดิตหนึ่งใบ ถ้าจะซื้อ-ขายกับร้านไหน ผมจะต้องไปติดต่อร้านค้าให้รับบัตรผม (merchant acquiring) แต่ถ้าบัตรนี้มีการซื้อ-ขายอยู่ในตลาด ร้านที่รับบัตรผมสามารถไปเบิกเงินจากใครก็ได้ ซึ่งในที่นี้คือศูนย์ซื้อ-ขายหรือนายหน้าที่มีการซื้อ-ขาย ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปติดต่อร้านค้า และร้านค้าสามารถเบิกเงินสดได้ทันที ด้วยกรรมวิธีเหล่านี้ทำให้เราสามารถสเกลธุรกิจออกไปได้เร็วขึ้น
แพลตฟอร์มลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลในโลกมีมากมาย Upbit Thailand แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ ยังไง
เริ่มจากการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลที่นำมาซื้อ-ขาย เราเลือกอย่างระมัดระวัง กฎของเราข้อแรกคือ founder ต้องน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์ในการทำงาน ข้อสองคือมีการไหลเวียน (circulation) ในตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนที่มีโอกาสได้เปรียบคนอื่น (ในการเข้าถึงหรือได้สินทรัพย์ดิจิทัลมาก่อน) สามารถขายทำกำไรได้ และสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นถูกลิสต์อยู่ในหลายตลาดแล้วหรือยัง รวมทั้งมีปริมาณการซื้อ-ขายมากน้อยแค่ไหน เพราะรายได้ของเราเกิดจากปริมาณการซื้อ-ขาย ถ้าสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เป็นที่นิยม บางครั้งการลิสต์ก็ไม่เกิดประโยชน์
นอกจากการเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสม เราสร้างระบบที่มีความปลอดภัย มีการเฝ้าระวังธุรกรรมต่างๆ ให้มันเป็นไปโดยกลไกตามตลาดธรรมชาติ ถูกต้อง และเหมาะสม รวมถึงไม่เป็นเครื่องมือของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ แล้วระบบก็มีเสถียรภาพ มีทางเลือกที่หลากหลาย
คนที่ใช้ระบบของเราสามารถเทรดผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเรามีฟีเจอร์และ API (Application Programming Interface: API ตัวกลางที่ช่วยให้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ สามารถติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้) ให้ผู้ลงทุนมืออาชีพได้เลือกใช้มากมายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลาย ในขณะเดียวกันเราคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ ปกป้องสิทธิ์ลูกค้า รวมถึงป้องกันไม่ให้อาชญากรใช้บริการทางการเงินของเราไปทำอาชญากรรมทางการเงิน
ฟังดูเหมือนหัวใจหลักของ Upbit Thailand คือความปลอดภัย
เราถือเรื่องความปลอดภัยเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ โดยฟังก์ชันเรื่องความปลอดภัยของเราเริ่มตั้งแต่เราปฏิบัติตามกฎหมายไทย ถ้ากฎหมายให้ทำอะไร เราดำเนินตามขั้นตอนทั้งหมด ส่วนที่สองคือเลือกใช้ service provider (ผู้ให้บริการ) ที่เชี่ยวชาญ มีมาตรฐานทางวิชาชีพมาให้บริการคุ้มครองเรา มีตั้งแต่กลไกในการปกป้องคุ้มครองธุรกรรมไปจนถึงกระบวนการตรวจสอบธุรกรรม แม้กระทั่งการตรวจสอบและวิเคราะห์หลักฐาน (forensic) ซึ่งก็คือหากเกิดเหตุอะไร เรายังสามารถตรวจสอบได้ และเราเป็นสมาชิกในกลุ่มเครือข่ายของผู้ประกอบธุรกิจที่มีมาตรการเพื่อป้องกันธุรกรรมโดยอาชญากรด้วย Travel Rule (ข้อกำหนดที่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องเก็บและส่งข้อมูลของผู้ทำธุรกรรม (ทั้งผู้ส่งและผู้รับ)) รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขให้ลูกค้าของเราจำเป็นต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนจริงๆ (Dip-Chip verification) ตั้งแต่แรกเริ่ม ถ้าเขาไม่ยืนยัน บัญชีก็จะใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ ระบบรักษาความปลอดภัยของเราไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่รวมถึงกระบวนการ ขั้นตอน วิธีการ ประสบการณ์ของบุคลากรและเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศที่เราร่วมมือกันเพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยของธุรกรรมมากที่สุด
หนึ่งในประเด็นที่เกิดขึ้นบ่อยในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลคือการฉ้อโกงผ่านคริปโต เราจะป้องกันตัวจากเรื่องนี้ได้ยังไง
นี่คือหนึ่งในอาชญากรรมทางการเงินที่เราอยากให้ป้องกัน ซึ่งส่วนใหญ่อาชญากรจะหลอกให้ลงทุน วิธีของเขาคือการทำเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันปลอมขึ้นมา โดยเอาชื่อเสียงของผู้ประกอบการที่น่าเชื่อถือหรือใบอนุญาตไปอ้างอิงกับลูกค้าเพื่อหลอกให้เขาลงทุน หรือบางทีก็มาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในเชิงโรแมนซ์ พอเริ่มรู้จักไว้เนื้อเชื่อใจกันก็โน้มน้าวให้เหยื่อลงทุนดู เราเจอเรื่องนี้ประจำ
สิ่งที่ลูกค้าทำได้คือการติดตั้งซอฟต์แวร์จาก App Store หรือ Play Store โดยตรง ส่วนผู้ให้บริการที่ไม่รู้จัก อย่างน้อยที่สุดคุณต้องตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน ถ้าเรารู้จักจัดการความเสี่ยง อาจจะลองทำในปริมาณน้อยๆ เพื่อลอง เป็นความเสี่ยงที่เรารับได้ก็โอเค แต่ถ้ามันเริ่มมากขึ้น เราต้องเตือนตัวเองว่าเราจะก้าวข้ามเส้นที่เราตั้งขึ้นมาแล้วจริงเหรอ เพราะถ้าเราลองเสี่ยงเมื่อไหร่ นั่นแปลว่าเราพร้อมจะรับความเสี่ยงที่ตามมา มันอาจกลายเป็นความเสียหายมากกว่าสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้เยอะ สิ่งเหล่านี้ควรเป็นเรื่องที่ทุกคนตระหนักว่าทำยังไงถึงจะไม่เชื่อถือบริการหรือการหลอกลวงต่างๆ ที่มันมีมากมาย
นอกจากนี้ Upbit Thailand ยังพยายามปรับตัวให้รองรับผู้ลงทุนเทรดเดอร์มืออาชีพด้วย เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าฟังก์ชันต่างๆ ที่เกิดขึ้นคืออะไร
ผู้ลงทุนมืออาชีพส่วนใหญ่เขาเทรดด้วยอัลกอริทึม (คำสั่งซื้อ-ขายที่ถูกสร้างขึ้นโดยชุดคำสั่งจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์) จะใช้ API เป็นส่วนใหญ่ เราจึงใช้ API มาตรฐานโลกที่สามารถรองรับธุรกรรมได้เป็นจำนวนมากๆ มีการประมวลผลธุรกรรม (transaction) ต่อวินาทีสูง
ที่ Upbit เราให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ เราอยากให้พวกเขามีทางเลือกมากกว่า เพราะฉะนั้นเราจึงมีคำสั่งที่หลากหลาย ไล่ตั้งแต่ลิมิตออร์เดอร์ มาร์เก็ตออร์เดอร์ สต็อปลิมิต แต่คำสั่งเหล่านี้เราก็มีการขออนุญาตหน่วยงานที่กำกับดูแลให้เสนอเป็นบริการเพิ่มเติมกับลูกค้า ถ้าทางสำนักงาน ก.ล.ต.เห็นชอบ เราก็เริ่มเปิด ที่ผ่านมาเราดำเนินการเรื่องนี้ทีละขั้นตอนและได้รับอนุญาตในการนำเสนอลักษณะคำสั่งที่แตกต่างกัน ในอนาคตก็จะมีลักษณะคำสั่งใหม่ๆ มาเพิ่ม
ถ้ามีนักลงทุนเทรดที่อยากลองลงทุนมาขอคำแนะนำสักข้อ คุณจะแนะนำอะไรกับเขา
แนะนำให้เรียนรู้ก่อน เพราะหลายคนมักไม่อ่าน มักจะฟัง คนที่ลงทุนด้วยหูมักจะเสียตังค์ คุณต้องสร้างความรู้ให้ตัวเองด้วยการอ่าน ด้วยการไปเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ คุณต้องมีข้อมูลก่อน เพราะคนที่ไม่มีข้อมูลจะกลัว แต่พวกที่กล้าเสี่ยงเนี่ยเขาจะไม่กลัวอะไรเลย มันเหมือนห้องนอนที่เราดับแสงไฟ ถ้ามันเป็นห้องนอนที่เราเข้า-ออกประจำ เรารู้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน ประมาณกี่ก้าว คุณจะมั่นใจขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่อยากกลัว คุณจงศึกษามันให้เข้าใจก่อนจะลงทุน พอคุณเข้าใจมันแล้ว ถ้าขาดทุนคุณก็จะไม่รู้สึกแย่เท่ากับคุณไม่เรียนรู้อะไรเลย
สเตปต่อไปคือการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ และเลือกผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ อย่างประเทศไทยก็มีสำนักงาน ก.ล.ต.เป็นหน่วยงานกำกับดูแลอยู่ แต่คำว่าน่าเชื่อถือไม่ได้แปลว่าคุณเทรดกับผู้ให้บริการเหล่านี้โดยไม่มีความเสี่ยงด้านการลงทุน การลงทุนล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยง แต่ถ้าเราบริหารความเสี่ยงกับผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ อย่างน้อยพอเกิดปัญหาจะได้มีคนรับผิดชอบได้
ในมุมมองของคุณ จุดไหนเป็นจุดที่อุตสาหกรรมการลงทุนในบ้านเรายังขาด ควรมีการปรับเปลี่ยนหรือเสริมเติมเพื่อให้อุตสาหกรรมยั่งยืนต่อไป
ตอนนี้ทุกคนให้ความสำคัญกับการติดตามความเสี่ยงของธุรกิจในด้านการลงทุน แต่อุตสาหกรรมนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือของอาชญากรเยอะ สุดท้ายมันจะล่มสลายหากให้ความสำคัญผิดจุด ดังนั้นเพื่อให้เกิดความยั่งยืน เรา (ผู้ประกอบธุรกิจ) ต้องร่วมมือกันเพื่อจับตาดูธุรกรรมให้มีความโปร่งใส เสมือนเงินตรา เราโอนเงินระหว่างประเทศได้ฉันใด สินทรัพย์ดิจิทัลก็ควรจะถูกโอนได้ และใช้มาตรฐานเดียวกันกับเงินสดอย่างมีความปลอดภัยและการกำกับดูแลที่เหมาะสม
นี่คือสิ่งที่ Upbit Thailand รวมถึง Upbit ทั่วโลกพยายามทำมาตลอด เพราะเราอยากเป็นผู้เล่นในระยะยาว การที่เราไปเปิดในหลายๆ ประเทศมันเป็นการแสดงออกให้เห็น เพราะทุกที่ที่เราไป เราได้รับใบอนุญาตทุกที่
ตั้งแต่วันแรกที่เกิด Upbit Thailand จนวันนี้ ธุรกิจนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแล้วบ้าง
ผมคิดว่าเราออกแบบประสบการณ์ลูกค้าได้ดีขึ้น และเราก็รู้จักลูกค้าและอุตสาหกรรมมากขึ้น อะไรที่เคยเป็นปัญหาอุปสรรค มันก็ทยอยน้อยลง แต่มันก็จะมีปัญหาใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เราต้องทำคือเราเอาประโยชน์ของลูกค้าและประชาชนในประเทศเป็นสำคัญ
คำเตือน : คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
บุคคลดังกล่าวเป็นผู้บริหารของ บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด และโฆษณานี้ถูกจัดทำโดย บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด"
ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
LINE: http://go.upbit.one/line
Email: upbit_th@upbit.com