สังคมสูงอายุ โจทย์ใหญ่ที่รออยู่ เมื่อโครงสร้างประชากรไทยเปลี่ยน
ประเทศไทยเข้าสู่ สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2567 กลับกันเด็เกิดใหม่น้อยลงเรื่อยๆ แล้วประเทศไทยควรจะรับมืออย่างไร
ปรับยุทธศาสตร์รับมือสังคมสูงวัย โจทย์ของประเทศไทย
ที่งาน "GCNT Expo 2025: Forward SDGs Faster Together – รวมพลังเร่งสร้างโลกที่ยั่งยืน" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 - 31 กรกฎาคม ได้หยิบยกหัวข้อ การปรับยุทธศาสตร์รับมือสังคมสูงวัย มาพูดคุยอย่างน่าสนใจ
การขับเคลื่อนสังคมไทยทั้งในแง่ทางสังคมและเศรษฐกิจ กำลังเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายอย่างมาก หลังประเทศไทยเข้าสู่ สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ หรือ Complete Aged Society ตั้งแต่ปี 2567 หลังมีสัดส่วนผู้มีอายุเกิน 60 ปี คิดเป็น 20 เปอร์เซนต์ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่อัตราเด็กเกิดใหม่กลับน้อยลงเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับต่ำที่สุดในอาเซียน คาดการณ์ว่า ประชากรไทยจะลดลงเหลือเพียง 33 ล้านคน ในอีก 60 ปีข้างหน้า
สถานการณ์ตลาดแรงงานไทย
เมื่อโครงสร้างประชากรประเทศมีแนวโน้มเช่นนี้ ย่อมกระทบต่อสถานการณ์คนวัยทำงาน ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ แม้จะมีคำพูดที่บอกว่า การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด คนทำงานต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แต่จากการสำรวจความต้องการพัฒนาขีดความสามารถของประชากรพบว่า คนทำงานมากถึง 90 เปอร์เซนต์ ไม่อยากพัฒนาขีดความสามารถของตัวเอง
คำถาม ก็คือ เมื่อคนที่อยู่ในวัยทำงานไม่อยากพัฒนาความสามารถ ย่อมส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพใหญ่ แล้วผู้ประกอบการและเจ้าของกิจการ จะสร้างแรงจูงใจให้คนทำงาน พร้อมแก้ไขปัญหาในตลาดแรงงาน ที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสร้างสังคมนี้อย่างไร?
ส่งเสริมผู้สูงอายุในตลาดแรงงาน
คุณวสันต์ สินพิทักษ์สกุล รักษาการประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มสายงานบริหารทรัพยากรบุคคล บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) อธิบายถึงการปรับตัวขององค์กร โดยเฉพาะองค์ขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลาย คนทำงานเป็นโครงสร้างใหญ่ของทั้งองค์กร ประกอบด้วยคนรุ่นใหม่ Gen Z และคนวัยเก๋า ทำงานร่วมกัน เรื่องสำคัญที่สุด มี 3 ข้อ คือ ประเภทของพนักงาน well-being และทักษะ
เมื่ออัตราการเกิดน้อยลง บุคลากรไทยไม่เพียงพอ ทำให้องค์กรมีการจ้างงานชาวต่างชาติมากขึ้น บวกกับความหลากหลายของวัย จึงเป็นองค์กรที่มีความหลากหลายสูงมาก การจ้างงานต้องการคนที่มีทักษะมากพอ
ส่วนคนสูงวัยที่อายุ 60 ปี ก็ยังมีคุณค่า เพราะงานในปัจจุบัน มีงานหลากหลายที่ไม่ต้องใช้สมองหรือมืออย่างเดียว คนสูงวัยสามารถทำงานในภาคบริการ ทำให้ผู้สูงวัยที่แม้เกษียณไปแล้วยังเห็นคุณค่าในตัวเอง รู้สึกสนุกกับการใช้ชีวิต ไม่เป็นภาระของลูกหลาน แถมยังดีต่อสุขภาพ ไม่ป่วยง่าย การได้พูดคุยกับผู้คนอยู่เสมอ ช่วยป้องกันภาวะอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
การส่งเสริมผู้สูงอายุในตลาดแรงงาน ยังสอดคล้องกับแนวคิดขององค์กร ยูนิเซฟ ซึ่งคุณ Sarah Shahyar ตัวแทนจากยูนิเซฟ บอกว่า การที่ประชากรสูงวัยมีสุขภาพที่ดีนั้นสำคัญมากๆ และการที่ผู้สูงอายุจะมีสุขภาพแข็งแรงทั้งทางร่างกายและสติปัญญา สิ่งสำคัญคือต้องสามารถกลับมาทำงานได้แม้หลังจากอายุมากขึ้น
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้นำร่อง
ตัวอย่างที่มีมาแล้ว อย่างเช่น ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งต่างก็เป็นประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว และเผชิญกับสังคมเด็กเกิดน้อย คนสูงอายุล้นเมือง เหมือนไทย ทั้ง 2 ประเทศมีนโยบายส่งเสริมคนสูงวัย อย่างในญี่ปุ่น มีการปรับแก้กฎหมายแรงงานเพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ และหลายบริษัทก็มีการขยายอายุเกษียณ เช่นเดียวกันกับเกาหลีใต้ ที่มีขยายอายุรับบำนาญ
การปรับตัวที่เกิดจากการเปลี่ยนไปของโครงสร้างประชากรเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะที่ประเทศไทย หากมองเห็นโอกาส นี่จะไม่ใช่อุปสรรคปัญหา แต่เป็นความท้าทายใหม่ของสังคม ที่ต้องอาศัยร่วมมือเป็นพันธมิตรกันทั้งระดับประเทศ ระดับองค์กร และปัจเจกบุคคล เป็นโจทย์ใหญ่และใหม่ของคนไทย ในการขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- GCNT EXPO 2025 รวมพลัง เร่งสร้างโลกที่ยั่งยืน 29 – 31 ก.ค.นี้
- ชี้ช่องทางทำเงิน ตลาดผู้สูงวัย "เศรษฐกิจสีเงิน" สินค้าบริการโตแรง วัยเก๋าก็ทำงานได้
- อัตราการเกิดน้อย คนแก่เยอะ ประชากรเกาหลีลดฮวบ อีก 100 ปี เหลือเพียง 15% ของปัจจุบัน
- ไทยเตรียมสู่สังคมสูงวัยสุดยอด เปิดวิธีรับมือด้วยนวัตกรรมสุขภาพยั่งยืน
- สธ. รับมือสังคมสูงวัย พัฒนาศักยภาพบุคลากรดูแลสุขภาพผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ