”มาริษ“ ส่งหนังสือประท้วงพร้อมหลักฐานกัมพูชาละเมิดหยุดยิง ย้ำไทยมีสิทธิ์ตอบโต้
วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงอย่างชัดเจนถึงจุดยืนของไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีความตึงเครียดและเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ โดยยืนยันว่าไทยจะไม่ยอมถูกละเมิดอธิปไตยและจะปกป้องประชาชนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
รมว.ต่างประเทศเปิดเผยว่า ตลอดช่วงเวลาที่เกิดสถานการณ์ กระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทยได้ดำเนินการผ่านทุกกลไกทางการทูตอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อนุสัญญาระหว่างประเทศ กฎหมายมนุษยธรรม และการแสดงจุดยืนในเวทีสำคัญระดับโลก ทั้งในสหประชาชาติที่นิวยอร์ก รวมถึงการหารือกับตัวแทนระดับสูงจากหลายประเทศ เพื่อยืนยันว่าไทยมีความมุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี แต่ขณะเดียวกันก็จะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนโดยเด็ดขาด
นายมาริษเน้นว่า ไทยใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง (Self-defense) อย่างชอบธรรมต่อการโจมตีและการละเมิดจากฝั่งกัมพูชา โดยย้ำว่าภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศยังคงได้รับการชื่นชมว่าเป็นประเทศรักสันติ และพร้อมเจรจาอย่างจริงใจภายใต้กลไกของอาเซียน เช่น JBC, GBC และ RBDC แม้ที่ผ่านมาอาจไม่มีความคืบหน้า แต่ไทยยังคงยึดมั่นในหลักการเจรจาทวิภาคีและการผลักดันสันติภาพ
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อไทยสามารถโน้มน้าวให้อาเซียนและมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน เข้ามาเป็นพยานในกระบวนการเจรจา โดยเฉพาะการหยุดยิงและการประชุมแบบไม่เป็นทางการระหว่างแม่ทัพภาคของทั้งสองประเทศ นายมาริษเผยว่าการพูดคุยระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยกับแม่ทัพภาคที่ 4 และ 5 ของกัมพูชา ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารจัดการสถานการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการสื่อสารคลาดเคลื่อนในพื้นที่ชายแดน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิง ณ เวลา 00.00 น. แต่ก็มีรายงานว่ามีการละเมิดข้อตกลงในบางพื้นที่ นายมาริษจึงได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของมาเลเซียซึ่งเป็นประธานอาเซียนในครั้งนี้ พร้อมส่งหนังสือประท้วงไปยังผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นพยานในกระบวนการเมื่อวานนี้ โดยมีหลักฐานการถูกโจมตีจากฝ่ายกัมพูชาประกอบอย่างครบถ้วน
รมว.ต่างประเทศยังเผยว่า มีการประสานโดยตรงระหว่างนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย ประธานาธิบดีปราโบโว ซูบียันโตของอินโดนีเซีย และรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รวมถึงการพูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่แสดงความชื่นชมต่อจุดยืนและความกล้าหาญของรัฐบาลไทยในการปกป้องสันติภาพอย่างแท้จริง
นอกจากประเด็นด้านความมั่นคง นายมาริษยังเน้นย้ำถึงสองเป้าหมายหลักของรัฐบาลไทยในการจัดการกับสถานการณ์นี้ ได้แก่ การไม่ยอมเสียอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีผ่านกลไกการเจรจาที่เปิดกว้างและครอบคลุม โดยยืนยันว่าไทยพร้อมให้โอกาสการเจรจาเสมอแม้จะเผชิญกับการละเมิดหลายครั้ง
สำหรับก้าวถัดไป การประชุมอย่างเป็นทางการของ GBC ระดับรัฐมนตรีกลาโหมของไทยและกัมพูชาจะมีขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะเป็นอีกจุดสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมย้ำว่าแม้การปะทะจะยุติลงแล้ว แต่ไทยจะไม่ประมาทและยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ท่ามกลางความวิตกของประชาชนว่าไทยอาจเสียเปรียบหรือยอมอ่อนข้อให้กับกัมพูชา นายมาริษยืนยันชัดเจนว่า “เราไม่ยอมเสียดินแดน และไม่เคยยอมรับการละเมิดอธิปไตย” พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่านี่คือสถานการณ์ละเอียดอ่อนที่ต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ โดยยึดผลประโยชน์สูงสุดของชาติเป็นที่ตั้ง
ในขณะที่ไทยพยายามลดความตึงเครียดและผลักดันการเจรจา ฝ่ายกัมพูชากลับยังมีการละเมิดซ้ำซ้อน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่าจะไม่ละเลย และพร้อมใช้สิทธิในการป้องกันตัวอย่างชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศหากถูกกระทำซ้ำอีกครั้ง